Category: Uncategorized

  • คุณเคยสงสัยไหมว่าทำไมเราถึงนั่งดูหนังได้ 2-3 ชั่วโมง หรือทำไมถึงอ่านนิยายจนลืมเวลา แล้วทำไมบางเรื่องถึงจับใจเราได้ แต่บางเรื่องดูแล้วง่วงนอน? Will Storr นักเขียนชาวอังกฤษที่ได้รับรางวัลมากมาย ได้หาคำตอบของคำถามเหล่านี้ในหนังสือ “The Science of Storytelling” โดยใช้วิทยาศาสตร์มาอธิบายศิลปะการเล่าเรื่อง การเล่าเรื่องคือ DNA ของมนุษย์ ลองนึกภาพดูสิ เมื่อ 100,000 ปีก่อน บรรพบุรุษของเราไม่มี Facebook ไม่มี Line แต่พวกเขาก็ต้องการแลกเปลี่ยนข้อมูลกัน วิธีที่ดีที่สุดคือการเล่าเรื่อง “เมื่อคืนฉันเห็นเสือโคร่งตัวใหญ่ที่ลำธารข้างโน้น มันมีเขี้ยวยาวแหลมคม และดวงตาที่แวววาวในความมืด พวกเราไม่ควรไปทางนั้นคนเดียว” การเล่าเรื่องแบบนี้ไม่ได้แค่ให้ข้อมูล แต่ยังสอนบทเรียนชีวิต สร้างกฎเกณฑ์ในสังคม และเชื่อมโยงคนในกลุ่มให้แน่นแฟ้นขึ้น Storr อธิบายว่าการเล่าเรื่องเป็นเครื่องมือสำคัญที่ทำให้มนุษย์รอดมาได้จนถึงทุกวันนี้ สมองเราหิวการเปลี่ยนแปลง คุณเคยสังเกตไหมว่าเราชอบข่าวที่มีคำว่า “ด่วน” “เฉียบ” หรือ “พลิกโผ” เพราะสมองเราหิวการเปลี่ยนแปลง Storr อธิบายว่าสมองมนุษย์วิวัฒนาการมาเพื่อการอยู่รอด ดังนั้นเราจึงตื่นตัวอัตโนมัติเมื่อมีอะไรเปลี่ยนแปลง เพราะมันอาจหมายถึงอันตรายหรือโอกาส ลองดูตัวอย่างการเปิดเรื่องที่ดีสิ: “หมาน้อยสปอตหายไปแล้ว!” (จากหนังสือเด็กชื่อดัง Where’s Spot?) “เมื่อฉันตื่นขึ้น…

  • ใครๆ ก็รู้จักบิล เกตส์ ในฐานะผู้ก่อตั้งไมโครซอฟท์ มหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในโลกคนหนึ่ง และนักการกุศลที่ใจดี แต่เขาเป็นยังไงตอนเด็กๆ? หนังสือ “Source Code: My Beginnings” ที่ออกมาใหม่นี้ พาเราย้อนกลับไปดูต้นกำเนิดของอัจฉริยะคนนี้กัน ด้วยการเล่าเรื่องที่จริงใจและน่าสนใจมาก เด็กแปลกๆ ที่ซีแอตเทิล บิล เกตส์เกิดเมื่อปี 1955 ที่เมืองซีแอตเทิล ตอนเด็กๆ เขาเป็นเด็กที่แปลกแยกไปจากเด็กคนอื่น แต่ไม่ใช่แบบที่คิด เขาเป็นทั้ง “เนิร์ด” ที่ชอบเล่นกับตัวเลขและเทคโนโลยี แต่ก็เป็นเด็กที่ชอบผจญภัยกลางแจ้งด้วย เขาชอบไปตั้งแคมป์ เดินป่า และปีนเขาหลายวันติดต่อกัน นี่ไม่ใช่ภาพลักษณ์ของเด็กเนิร์ดทั่วไปเลย แต่บิลเป็นคนที่มีหลายมิติแบบนี้ตั้งแต่เด็ก การผสมผสานระหว่างความชอบเทคโนโลยีกับความรักธรรมชาติอาจเป็นสิ่งที่ทำให้เขาคิดนอกกรอบได้ในภายหลัง สิ่งที่เด่นชัดที่สุดของเด็กบิล คือ ความหลงใหลในการอ่านหนังสือ เขาเล่าว่า “การอ่านในรถ หรือที่ไหนก็ตาม เป็นสิ่งที่ฉันทำตลอดเวลา เมื่อฉันอ่าน เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว ฉันจะปิดกั้นโลกภายนอก มีแต่ฉันกับหนังสือ ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน ข้างหลังรถ ในงานปาร์ตี้บาร์บีคิว หรือแม้แต่ในโบสถ์” ลองนึกภาพดูสิ เด็กคนหนึ่งที่สามารถจมอยู่กับหนังสือได้แม้แต่ในโบสถ์ ขณะที่คนอื่นกำลังสวดมนต์ นี่แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นและการมีสมาธิที่เหนือธรรมดาตั้งแต่เด็ก ครอบครัวที่หล่อหลอมใจ บิลโชคดีที่เกิดในครอบครัวชั้นกลางที่มีฐานะดี…

  • มีโอกาสได้เข้าสัมมนาฟรีของสถานบันบียอนด์ เอจ เมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน 2566 ในหัวข้อ “ปรับค่าจ้างอย่างไรให้ถูกใจทั้งคนรับและคนจ่าย” โดย ดร.สุพจน์ นาคสวัสดิ์ จากเวลา 2 ชั่วโมงครึ่งคุณภาพที่อัดแน้นด้วยเนื้อหาที่เอาไปปรับใช้ได้จริงๆ และทำให้พบข้อคิดเพิ่มเติมว่า การบริหารค่าจ้างนั้นเป็นทั้งศาสตร์และศิลป์ที่ไม่ใช่แค่มานั่งบวกลบคูณหาร แต่เป็นเรื่องของการบริหารในทุกๆ มิติเสียด้วยซ้ำ ผมจึงสรุปออกมาเป็นข้อๆ ดังนี้ HR รีพอร์ต

  • จากหนังสือ “ความลับของการวัดผล” ผู้เขียน ดร.นพดล ร่มโพธิ์ HR รีพอร์ต

  • การตั้งเป้าหมาย และการวัดผล เป็นวงจรของการทำงาน ไม่ว่าจะเป็นในองค์กรภาครัฐหรือเอกชนก็ต้องทำเพราะการลงแรงอะไรไปก็ต้องการผลลัพธ์ การวัดผลจึงเป็นส่วนหนึ่งของการบริหาร หนังสือคลาสสิค High Output Management ผู้เขียน Andrew S. Grove ได้เขียนไว้ตั้งแต่สมัยโน้นแล้ว นี่คือเหตุผลที่หนังสือเล่มนั้นบอกไว้ •เพื่อประเมินการทำงานของลูกน้อง • เพื่อพัฒนาผลการทำงาน • เพื่อสร้างแรงจูงใจ • เพื่อให้มีเวทีการการให้ข้อเสนอแนะระหว่างหัวหน้ากับลูกน้อง • เพื่อปรับผลงานให้สูงขึ้น • เพื่อให้รางวัลจากการทำงาน • เพื่อให้แนวทางการทำงานที่ถูกต้องตามระเบียบ • เพื่อให้แนวทางการทำงานที่ถูกต้อง • เพื่อสื่อสาร ส่งเสริมวัฒนธรรมองค์กร คนทำงาน ผู้บริหาร คงหนีเรื่องการประเมินผลไม่ออกแน่นอน HR รีพอร์ต

  • กองดองที่ยังกองอยู่ แต่ก็อยากได้หนังสือเพิ่มมาอีกเรื่อย ๆ  แล้ววิธีการที่จะทลายกองดองให้ได้เร็ว ๆ  สำหรับหนังสือแนวธุรกิจ ที่ไปอ่านเจอมาจากหนังสือ The Power of Input ศิลปะของการเลือก+รับ*รู้ / ชิออน คาบาซาวะ มีแนวทางมาทดลองใช้ดังนี้ 1. ตั้งเป้าสิ่งที่อยากรู้จากหนังสือ 2. อ่านสารบัญเพื่อให้เห็นภาพรวมของหนังสือ 3. เปิดอ่านข้ามไปข้ามมาในประเด็นสำคัญที่สนใจ ซึ่งสาระสำคัญส่วนใหญ่จะอยู่ท้ายบท 4. กลับมาอ่านตามปกติ โดยให้เน้นความละเอียดที่ท้ายบท และบทท้าย ๆ ของหนังสือได้ผลหรือไม่ได้ ผลอยู่ทีการทดลองทำของเรา ถ้าไม่ไดผลก็แค่เลิกไป #hrรีพอร์ต

  • งานได้เป้า งานไม่ได้เป้า! งานได้มาตรฐาน งานไม่ได้มาตรฐาน! ทำงานถูก ทำงานผิด! ทำงานได้ ทำงานไม่ได้! อุบัติเหตุเป็นศูนย์ อุบัติเหตุจนต้องหยุดงาน แน่นอนว่าเป้าหมายการทำงานต้องการผลลัพธ์ที่ดีที่สุดอยู่แล้ว ถ้าจะให้ได้ผลงานตามที่คาดหวังเครื่องมือที่ทุกที่ใช้คือ การสอนงานจากงานที่ทำงานจริง ที่คนส่วนใหญ่จะได้ยินคือ OJT ที่ย่อมาจาก On the Job Training  OJT ที่นำมาใช้กันเพราะ ต้นทุนถูก ทำกันภายใน ไม่เสียเวลางาน คนสอนเป็นหัวหน้างานยังได้ เมื่อทำแล้ว งานได้เป้า ผ่านมาตรฐาน อุบัติเหตุเป็นศูนย์ บางที่ทำกันมาได้ดี แต่เมื่อคนสอนเก่ง ๆ ออกจากองค์กรไป กลับกลายเป็นว่าหาคนมาสอนแทนไม่ได้ หามาได้ก็ได้ไม่เต็มร้อยประมาณว่างานได้เป้านแต่เกิดอุบัติเหตุ  ปัญหาจริง ๆ ไม่ได้เกิดจากตัวคนที่จากไป แต่เกิดจากไม่มีระบบ OJT ที่ดีนั่นเอง แล้วระบบการ OJT ที่ดีทีต้องมีอะไรบ้าง ก่อนการ OJT ทบทวนขั้นตอนการทำงานถ้ายังไม่มีให้เขียนขึ้นมา  เริ่ม OJT ด้วย  ถ้ามองดี ๆ ทุกระบบถ้ามีปัจจัยนำเข้าที่ดี ขั้นตอนการแปลงผลที่ดี…

  • ปัญหาใหญ่ ๆ ที่งานไม่ออกตามแผนของคนที่เป็นหัวหน้าสั่งงานไปแล้ว พอถึงเวลาส่งงานไม่มีงานส่ง มีข้ออ้างมากมาย เวลาไม่พอ มีงานอื่นแทรก ไม่เข้าใจ ร้อยแปดพันเก้า แต่สรุปง่าย ๆ คือ ไม่มีงานส่งนั่นล่ะ ก่อนที่จะโมโหหรือมีอารมณ์คนเป็นหัวหน้าต้องกลับมาประเมินตัวลูกน้องก่อนว่า A.เขาทำไม่ได้เพราะทำไม่เป็น(ไม่มีทักษะ) หรือ B.เขาทำไม่ได้เพราะไม่อยากทำ (ไม่มีแรงจูงใจ) เมื่อพบจุดเกิดเหตุว่าเกิดจากอะไร เราก็จะได้เลือกเครื่องมือและวิธรการแก้ไขปัญหาได้ถูก ถ้าทำไม่ได้ ให้ทำการพัฒนา ฝึกฝน เรียนรู้ ให้ทำได้ ถ้าไม่มีแรงจูงใจ ก็ให้สร้างแรงจูงใจนอกหรือภายใน ทบทวนเป้าหมาย และมีรางวัลเล็ก ๆ ระหว่างทาง #hrรีพอร์ต #excel

  • ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 585 ที่เขียนไว้ว่า “เมื่อการจ้างงานสิ้นสุดลงแล้วลูกจ้างชอบที่จะได้รับใบสำคัญ แสดงว่าลูกจ้างนั้นได้ทำงานมานานเท่าไร และงานที่ทำเป็นงานอย่างไร” #hrรีพอร์ต #excel

  • Welcome to WordPress! This is your first post. Edit or delete it to take the first step in your blogging journey.