เมื่อปี 1936 มีชายคนหนึ่งชื่อ เดล คาร์เนกี้ ที่เขียนหนังสือเล่มหนึ่งขึ้นมา เขาไม่ได้คิดว่าหนังสือเล่มนี้จะกลายเป็นผลงานที่เปลี่ยนแปลงชีวิตผู้คนนับล้านทั่วโลก หนังสือที่ว่านี้คือ “How to Win Friends and Influence People” หรือ “วิธีการคบเพื่อนและมีอิทธิพลต่อผู้คน”

คาร์เนกี้เริ่มต้นจากการสังเกตว่า คนส่วนใหญ่ล้มเหลวในชีวิตไม่ใช่เพราะขาดความรู้ทางเทคนิค แต่เพราะไม่รู้วิธีเข้าสังคมกับคนอื่น เขาจึงเริ่มศึกษาคนที่ประสบความสำเร็จ และค้นพบว่า พวกเขามีเคล็ดลับในการสร้างมนุษยสัมพันธ์ที่ยอดเยี่ยม

หยุดวิจารณ์ จะเริ่มเข้าใจ

คาร์เนกี้เล่าเรื่องของอัล คาโปน อาชญากรที่โด่งดังในยุค 1930 แม้จะเป็นคนร้าย แต่คาโปนไม่เคยคิดว่าตัวเองผิด เขามองตัวเองเป็นผู้กุศล ที่ให้ความสุขกับผู้คนผ่านการขายเหล้า

“ถ้าแม้กระทั่งอาชญากรยังไม่ยอมรับความผิดของตัวเอง แล้วคนธรรมดาจะยอมรับได้ยังไง?” คาร์เนกี้ถามผู้อ่าน

เขาเน้นย้ำว่า การวิจารณ์คนอื่นเป็นเหมือนการเอาไก่มาฟัน ทำร้ายตัวเองมากกว่าที่จะได้ประโยชน์ เพราะคนที่ถูกวิจารณ์จะป้องกันตัว และกลับมาโจมตีเราแทน

ลองดูตัวอย่างในชีวิตจริง พ่อแม่ที่ชอบด่าลูกว่า “ทำไมเรียนไม่เก่ง ดูเพื่อนคนอื่นสิ” ลูกจะรู้สึกยังไง? แทนที่จะตั้งใจเรียน เขากลับจะเซ็งและเครียดมากขึ้น แต่ถ้าพ่อแม่พูดว่า “พ่อแม่เห็นว่าลูกพยายามแล้วนะ ถ้าช่วยกันหาวิธีเรียนให้สนุกกว่านี้ จะดีไหม?” ผลจะต่างกันมาก

พลังแห่งการชื่นชม

คาร์เนกี้เล่าเรื่องของ ชาร์ลส์ ชวาบ ประธานบริษัทเหล็กที่ได้เงินเดือนสูงมากในสมัยนั้น เมื่อถามว่าทำไมเขาได้เงินเดือนสูง ชวาบตอบว่า “ผมไม่ได้เก่งเรื่องเหล็กเป็นพิเศษ แต่ผมเก่งเรื่องการจัดการคน”

เคล็ดลับของชวาบคือการชื่นชมคนอื่นอย่างจริงใจ เขาเล่าว่า “การชื่นชมเหมือนอาหารใจ ส่วนการวิจารณ์เหมือนพิษร้าย ผมเลือกให้อาหารใจแก่คนที่ทำงานกับผม”

ในชีวิตประจำวัน เราสามารถทำได้ง่าย ๆ เช่น แทนที่จะบอกเพื่อนร่วมงานว่า “งานเสร็จแล้วเหรอ?” ลองเปลี่ยนเป็น “เก่งจัง เสร็จเร็วมาก คุณภาพยังดีด้วย” จะเห็นว่าเพื่อนร่วมงานจะยิ้มแย้ม และทำงานร่วมกันอย่างมีความสุข

ศิลปะแห่งการฟัง

คาร์เนกี้เล่าถึงประสบการณ์ตัวเองเมื่อไปงานเลี้ยง เขานั่งคุยกับพฤกษศาสตร์คนหนึ่งเกี่ยวกับการปลูกดอกไม้ คาร์เนกี้ไม่รู้เรื่องดอกไม้เลย แต่เขาตั้งใจฟัง และถามคำถามที่แสดงความสนใจ

เมื่อจบงาน พฤกษศาสตร์คนนั้นไปบอกเจ้าของบ้านว่า “คาร์เนกี้เป็นคนคุยเรื่องดอกไม้เก่งมาก และเป็นคนที่น่าสนใจที่สุดในงานนี้”

นี่คือพลังของการเป็นคนฟังที่ดี เมื่อเราให้ความสนใจกับสิ่งที่คนอื่นพูด พวกเขาจะรู้สึกสำคัญ และมองว่าเราเป็นคนน่าคบ

ในชีวิตจริง เวลาเพื่อนเล่าปัญหา แทนที่จะรีบให้คำแนะนำ ลองฟังจนจบก่อน ถามคำถามเพิ่มเติมเพื่อให้เขารู้สึกว่าเราเข้าใจ บางครั้งคนเราไม่ต้องการคำแนะนำ แต่ต้องการคนที่จะฟัง

จำชื่อ

คาร์เนกี้บอกว่า “ชื่อของคนคือเสียงที่ไพเราะที่สุดในโลกสำหรับหูของเขา” เขายกตัวอย่างของ จิม ฟาร์ลีย์ นักการเมืองที่จำชื่อคนได้ 50,000 คน

ฟาร์ลีย์มีเทคนิคง่าย ๆ เมื่อเจอคนใหม่ เขาจะทำซ้ำชื่อในใจ จดลงในสมุด และหาโอกาสเรียกชื่อให้ได้ในการสนทนา ทำให้คนที่เจอเขารู้สึกพิเศษ

วิธีนี้ใช้ได้ในชีวิตประจำวัน เวลาแนะนำตัวใหม่ในที่ทำงาน แทนที่จะเรียกว่า “คุณ” หรือ “เฮ้” ลองเรียกชื่อจริง เช่น “สวัสดีครับ คุณสมชาย” หรือ “ขอบคุณครับ คุณสุดา” คุณจะพบว่าคนเหล่านั้นจะยิ้มแย้มกับคุณมากขึ้น

ศิลปะแห่งการโน้มน้าวใจ

คาร์เนกี้เล่าเรื่องของ ร็อกกี้เฟลเลอร์ เมื่อต้องเจรจากับสหภาพแรงงานที่นัดหยุดงาน แทนที่จะด่าทอหรือขู่ เขาเริ่มด้วยการพูดว่า “ผมเป็นมิตรกับท่านทุกคน ผมรู้สึกซาบซึ้งที่ท่านยอมมาคุยกัน”

เขาใช้วิธี “ใช่-ใช่-ใช่” คือเริ่มคุยเรื่องที่ทุกคนเห็นด้วยก่อน เช่น “เราทุกคนต้องการความยุติธรรม ใช่ไหม?” “เราต้องการให้คนงานมีความสุข ใช่ไหม?” เมื่อคนฟังได้พูด “ใช่” หลายครั้ง จิตใจจะเปิดกว้างรับฟังมากขึ้น

ในชีวิตจริง ถ้าอยากให้ลูกเก็บของเล่น แทนที่จะสั่งว่า “เก็บของเล่นเดี๋ยวนี้” ลองใช้วิธี “ลูกอยากให้บ้านสวยใช่ไหม?” (ใช่) “ลูกชอบที่บ้านเป็นระเบียบใช่ไหม?” (ใช่) “งั้นช่วยพ่อแม่เก็บของเล่นหน่อยได้ไหม?”

การเป็นผู้นำที่คนรัก

คาร์เนกี้เล่าเรื่องของ แมคเคนซี่ ผู้จัดการที่ต้องแก้ไขข้อผิดพลาดของลูกน้อง แทนที่จะด่า เขาเริ่มด้วยการชม “คุณทำงานเก่งมาตลอด เป็นคนที่เชื่อถือได้” แล้วค่อยพูดถึงข้อผิดพลาด “เรื่องนี้ไม่เหมือนสไตล์คุณเลยนะ เกิดอะไરขึ้น?”

วิธีนี้เรียกว่า “แซนด์วิช” คือขนมปังหวาน-ไส้เปรี้ยว-ขนมปังหวาน ชมก่อน แก้ไขตรงกลาง แล้วปิดท้ายด้วยการให้กำลังใจ

ตัวอย่างในชีวิตจริง เมื่อเพื่อนทำผิดพลาด: “เธอเป็นคนระมัดระวังมาตลอด (ขนมปังหวาน) เรื่องนี้เกิดข้อผิดพลาดนิดหน่อย (ไส้เปรี้ยว) แต่ฉันเชื่อว่าเธอจะระวังมากขึ้นในครั้งหน้า (ขนมปังหวาน)”

รักษาหน้า

คาร์เนกี้เล่าถึงเจนเนรัล ลี ที่แพ้สงคราม แต่เมื่อยอมแพ้ เจนเนรัล แกรนต์ปฏิบัติต่อเขาด้วยความเคารพ ให้เขาเก็บดาบ และไม่ทำให้เขาขายหน้า ทำให้การยอมแพ้เป็นไปด้วยศักดิ์ศรี

ในชีวิตจริง เวลาแก้ไขข้อผิดพลาดของใคร ไม่ควรทำต่อหน้าคนอื่น ควรเรียกคุยเป็นการส่วนตัว และใช้ถ้อยคำที่ไม่ทำลายศักดิ์ศรี เช่น “เป็นไงบ้าง มีอะไรให้ช่วยไหม” แทนที่จะพูดว่า “ทำไมทำผิด”

สร้างแรงบันดาลใจ

คาร์เนกี้เล่าเรื่องของครูคนหนึ่งที่มีนักเรียนช่วยไม่ได้ แทนที่จะด่าว่าโง่ เธอพูดว่า “ครูเชื่อว่าเธอฉลาดมาก แต่ยังไม่แสดงออกมา ครูอยากเห็นความฉลาดของเธอ” นักเรียนคนนั้นเปลี่ยนไปเป็นคนเรียนเก่ง

นี่คือพลังของ “ให้คนอื่นมีชื่อเสียงที่ดี” เมื่อเราบอกคนอื่นว่าเขาเป็นคนดี เขาจะพยายามทำตัวให้สมกับภาพที่เราวาดให้

ทำให้คนอื่นอยากทำ

คาร์เนกี้เล่าเรื่องของบอสคนหนึ่งที่อยากให้พนักงานมาทำงานเสาร์ แทนที่จะบังคับ เขาพูดว่า “เรามีโอกาสได้งานใหญ่ ถ้าทำสำเร็จจะได้โบนัส และบริษัทจะเติบโต ใครอยากร่วมทีมพิเศษไหม?”

วิธีนี้เรียกว่า “ทำให้เขาอยากทำ” แทนที่จะใช้อำนาจบังคับ ใช้ประโยชน์และความภูมิใจเป็นแรงจูงใจ

ใจเป็นกุญแจ

คาร์เนกี้เน้นย้ำตลอดเล่มว่า เทคนิคเหล่านี้จะได้ผลก็ต่อเมื่อทำด้วยใจจริง ไม่ใช่แค่เทคนิค แต่ต้องเปลี่ยนมุมมองจาก “ฉันจะได้อะไร” เป็น “ฉันจะให้อะไรกับคนอื่น”

เขาเล่าเรื่องของตัวเองที่เคยเป็นคนขี้บ่น ชอบวิจารณ์ แต่เมื่อเปลี่ยนมาเป็นคนให้ความสนใจกับผู้อื่น ชื่นชมคนอื่น และรับฟังคนอื่น ชีวิตเขาเปลี่ยนไปอย่างมหาศจรรย์

การนำไปใช้ในยุคปัจจุบัน

แม้หนังสือจะเขียนเมื่อเกือบ 100 ปีที่แล้ว แต่หลักการเหล่านี้ยังใช้ได้ในยุคโซเชียลมีเดีย ลองดูคนที่ดังในโลกออนไลน์ พวกเขาไม่ใช่คนที่ฉลาดที่สุด แต่เป็นคนที่ทำให้ผู้อื่นรู้สึกดี

  • แทนที่จะโพสต์โวยวาย ลองโพสต์ชมเชยคนอื่น
  • แทนที่จะแสดงความเก่ง ลองแสดงความสนใจในเรื่องของคนอื่น
  • แทนที่จะด่าคอมเมนต์ ลองตอบแบบสร้างสรรค์

สรุป

หนังสือ “How to Win Friends and Influence People” ไม่ได้สอนให้เราหลอกคนอื่น แต่สอนให้เราเข้าใจธรรมชาติของมนุษย์ คนเราทุกคนต้องการรู้สึกสำคัญ ต้องการความเข้าใจ และต้องการความรัก

เมื่อเราให้สิ่งเหล่านี้กับคนอื่น เขาก็จะให้กับเราเช่นกัน นี่คือกฎแห่งการให้และรับที่คาร์เนกี้ค้นพบ

สิ่งสำคัญที่สุดคือ ต้องทำด้วยใจจริง ไม่ใช่เพื่อหวังผลตอบแทน แต่เพราะเราเชื่อว่าทุกคนมีคุณค่า และสมควรได้รับการปฏิบัติที่ดี

หนังสือเล่มนี้เปลี่ยนชีวิตคนนับล้าน และมันอาจจะเปลี่ยนชีวิตของคุณได้เช่นกัน ถ้าคุณเปิดใจรับ และปฏิบัติจริง

เริ่มต้นได้วันนี้ ด้วยการยิ้มให้คนที่เจอ เรียกชื่อเขาด้วยความเป็นมิตร และให้ความสนใจกับสิ่งที่เขาพูด คุณจะพบว่า โลกรอบตัวเริ่มเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น

เพราะเมื่อเราเปลี่ยน โลกก็จะเปลี่ยนตาม

#hrรีพอร์ต

Posted in

Leave a comment