ลองนึกภาพดูสิ คุณมีไอเดียธุรกิจที่ดูเจ๋งมาก ใช้เวลาหลายเดือนนั่งวางแผน เขียนแผนธุรกิจยาวเหยียด หาเงินทุน พัฒนาสินค้าให้สมบูรณ์แบบ แล้วค่อยเปิดตัวอย่างภาคภูมิใจ แต่แล้ว… ไม่มีใครสนใจซื้อ

เรื่องราวแบบนี้เกิดขึ้นกับนักธุรกิจนับไม่ถ้วน รวมถึง Eric Ries ผู้เขียนหนังสือ “The Lean Startup” ด้วย ก่อนที่เขาจะกลายเป็นกูรูด้านสตาร์ทอัพ Eric เคยล้มเหลวมาแล้วหลายครั้ง และจากความล้มเหลวเหล่านั้นเอง ที่ทำให้เขาค้นพบวิธีการใหม่ที่จะเปลี่ยนวงการสตาร์ทอัพไปตลกาล

จุดเริ่มต้น

ปี 2004 Eric Ries ร่วมก่อตั้งบริษัทชื่อ IMVU พร้อมกับทีมงานที่มีความฝันจะสร้างซอฟต์แวร์แชทที่ดีที่สุดในโลก พวกเขาคิดว่าจะทำ Add-on สำหรับ AOL และ Yahoo Messenger ให้คนสามารถคุยกันในรูปแบบ 3D avatar ได้

ทีม IMVU ใช้เวลาหลายเดือนในการพัฒนาเทคโนโลยีที่ซับซ้อน วิศวกรทุกคนทำงานหนักมาก พวกเขามั่นใจว่าลูกค้าจะต้องชอบสินค้าของตัวเองแน่นอน เพราะมันดูเจ๋งและใช้เทคโนโลยีล้ำสมัย

แต่เมื่อนำสินค้าออกไปทดสอบกับลูกค้าจริง ผลลัพธ์ที่ได้กลับทำให้ทุกคนตกใจ ลูกค้าไม่ต้องการ Add-on สำหรับโปรแกรมแชทที่มีอยู่เลย พวกเขาต้องการโปรแกรมแชทใหม่ที่สามารถใช้งานได้เองโดยไม่ต้องผูกกับโปรแกรมเก่า

“ช่วงแรกผมคิดว่าลูกค้าไม่เข้าใจสินค้าของเรา” Eric เล่าในหนังสือ “แต่จริงๆ แล้ว คนที่ไม่เข้าใจคือเราต่างหาก”

การค้นพบนี้ทำให้ Eric ตระหนักถึงสิ่งสำคัญ: การสมมุติฐานของเราอาจผิดได้ และยิ่งใช้เวลานานในการสร้างสินค้าโดยไม่ทดสอบกับลูกค้า เราก็ยิ่งเสี่ยงที่จะล้มเหลวมากขึ้น

การเกิดของแนวคิด Lean Startup

จากประสบการณ์ที่ IMVU Eric ได้พัฒนาแนวคิด “Lean Startup” ขึ้นมา โดยยืมคำว่า “Lean” จากระบบการผลิตของ Toyota ที่มุ่งเน้นการลดความสิ้นเปลือง (Waste) และเพิ่มประสิทธิภาพ

แนวคิด Lean Startup มี 3 หลักการหลัก:

1. Build-Measure-Learn (สร้าง-วัด-เรียนรู้)

แทนที่จะสร้างสินค้าที่สมบูรณ์แบบ ให้เริ่มจาก MVP (Minimum Viable Product) หรือสินค้าที่มีฟีเจอร์พื้นฐานที่สุดแต่ใช้งานได้จริง

ตัวอย่างจริง: Dropbox Drew Houston ผู้ก่อตั้ง Dropbox ไม่ได้เริ่มต้นด้วยการสร้างระบบจัดเก็บไฟล์ที่ซับซ้อนเลย แต่เขาทำวิดีโอสาธิตง่ายๆ แค่ 3 นาที แสดงให้เห็นว่า Dropbox จะทำงานอย่างไร

วิดีโอนี้ทำให้คนสนใจสมัครใช้งานเพิ่มขึ้นจาก 5,000 คน เป็น 75,000 คนในชั่วข้ามคืน! การทดลองแบบง่ายๆ นี้ช่วยพิสูจน์ได้ว่าตลาดต้องการสินค้าแบบนี้จริง

2. Validated Learning (การเรียนรู้ที่พิสูจน์ได้)

การตัดสินใจต้องมาจากข้อมูลจริง ไม่ใช่ความรู้สึกหรือการเดา

ตัวอย่างจริง: Zappos Tony Hsieh ผู้ก่อตั้ง Zappos ไม่ได้ลงทุนสร้างคลังสินค้าขนาดใหญ่ตั้งแต่วันแรก แต่เขาทำเว็บไซต์ง่ายๆ แล้วไปถ่ายภาพรองเท้าจากร้านค้าท้องถิ่น

เมื่อมีคนสั่งซื้อ เขาก็ไปซื้อรองเท้าจากร้านจริงแล้วส่งให้ลูกค้า วิธีนี้ทำให้เขารู้ว่าคนจริงๆ อยากซื้อรองเท้าออนไลน์หรือไม่ โดยไม่ต้องลงทุนมหาศาล

3. Innovation Accounting (การวัดผลแบบนวัตกรรม)

แทนที่จะดูแค่ยอดขายหรือกำไร ให้ดูตัวเลขที่บอกว่าเรากำลังเรียนรู้และพัฒนาไปในทิศทางที่ถูกต้อง เช่น อัตราการใช้งานของลูกค้าใหม่ อัตราการกลับมาใช้ซ้ำ หรืออัตราการแนะนำให้เพื่อน

ศิลปะแห่งการ Pivot: เมื่อต้องเปลี่ยนทิศทาง

หนึ่งในแนวคิดที่สำคัญที่สุดของ Lean Startup คือ “Pivot” หรือการเปลี่ยนทิศทางธุรกิจอย่างมีเหตุผล

ตัวอย่างที่โด่งดัง: Twitter Twitter เริ่มต้นเป็นแพลตฟอร์มพอดแคสต์ชื่อ Odeo แต่เมื่อ Apple เปิดตัว iTunes podcasting ทีม Odeo รู้ว่าธุรกิจเดิมคงไม่รอด

แทนที่จะยอมแพ้ พวกเขาได้สังเกตว่าพนักงานในบริษัทชอบใช้ฟีเจอร์ย่อยๆ ที่ให้ส่งข้อความสั้นๆ หากันในบริษัท จึงเปลี่ยนมาพัฒนาฟีเจอร์นี้แทน และกลายเป็น Twitter ที่เราใช้กันวันนี้

เรื่องราวของ Instagram Instagram เริ่มต้นเป็นแอปชื่อ Burbn ที่ให้ผู้ใช้เช็คอิน แชร์รูปภาพ วางแผนการพบปะ และดื่มเหล้า แต่ Kevin Systrom และ Mike Krieger พบว่าคนใช้แอปเพื่อแชร์รูปภาพเป็นหลัก

พวกเขาตัดสินใจ Pivot โดยเอาฟีเจอร์อื่นออกหมด เหลือแค่การแชร์รูปภาพและใส่ฟิลเตอร์ ผลลัพธ์คือ Instagram ที่มีผู้ใช้กว่า 1 พันล้านคนทั่วโลก

เรื่องราวความสำเร็จจาก Lean Startup

กรณีศึกษา: Airbnb

Brian Chesky และ Joe Gebbia เริ่มต้น Airbnb ด้วยการปล่อยเช่าที่นอนลมในอพาร์ตเมนต์ของตัวเองระหว่างงานประชุมใหญ่ที่ San Francisco ปี 2007

พวกเขาไม่ได้สร้างเว็บไซต์ซับซ้อนตั้งแต่แรก แต่ทำเว็บไซต์ง่ายๆ ที่แสดงรูปที่นอนลมและรายละเอียดพื้นฐาน มีคน 3 คนสนใจจองและมาพัก

จากลูกค้า 3 คนแรกนี้ พวกเขาได้เรียนรู้ว่าคนต้องการประสบการณ์การท่องเที่ยวที่ไม่เหมือนใคร และต้องการความรู้สึกเหมือนได้อยู่บ้านของคนท้องถิ่น

วันนี้ Airbnb มีมูลค่ากว่า 100 พันล้านดอลลาร์ และมีที่พักให้เลือกกว่า 6 ล้านแห่งทั่วโลก

กรณีศึกษา: Spotify

Daniel Ek ผู้ก่อตั้ง Spotify เริ่มต้นด้วยการสร้างโปรแกรมเล่นเพลงง่ายๆ ที่สามารถเปิดเพลงได้ทันทีโดยไม่ต้องดาวน์โหลดรอ

ก่อนที่จะเจรจากับค่ายเพลงใหญ่ๆ เขาทดลองส่งโปรแกรมให้เพื่อนๆ ใช้ก่อน จากการใช้งานจริง เขาพบว่าคนชอบความสะดวกในการเปิดเพลงได้ทันที และไม่รังเกียจที่จะฟังโฆษณาแทนการจ่ายเงิน

ข้อมูลนี้ช่วยให้ Spotify สร้างโมเดลธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ: ให้ฟังฟรีแต่มีโฆษณา หรือจ่ายเงินเพื่อฟังไม่มีโฆษณา

บทเรียนสำคัญจากความล้มเหลว

หนังสือ The Lean Startup ไม่ได้เล่าเฉพาะเรื่องสำเร็จ แต่ยังเล่าถึงความล้มเหลวที่เป็นบทเรียนอีกมากมาย

เรื่องราวของ Webvan Webvan เป็นบริษัทส่งของออนไลน์ที่ล้มเหลวในปี 2001 หลังจากเผาเงินไปกว่า 800 ล้านดอลลาร์ สาเหตุหลักคือพวกเขาลงทุนสร้างโกดังและระบบส่งของขนาดใหญ่ก่อนที่จะรู้ว่าลูกค้าต้องการอะไรจริงๆ

หากพวกเขาใช้วิธี Lean Startup ด้วยการเริ่มจากการส่งของในพื้นที่เล็กๆ เรียนรู้พฤติกรรมลูกค้า แล้วค่อยขยายธุรกิจ อาจจะได้กลายเป็น Amazon ของวันนี้ก็เป็นได้

การนำ Lean Startup ไปใช้ในชีวิตจริง

แนวคิด Lean Startup ไม่ได้ใช้กับสตาร์ทอัพเท่านั้น แต่สามารถนำไปใช้กับธุรกิจทุกขนาด แม้แต่บริษัทใหญ่ๆ ก็นำไปใช้

ตัวอย่าง: GE (General Electric) GE ใช้หลักการ Lean Startup ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ แทนที่จะใช้กระบวนการพัฒนาแบบเก่าที่ใช้เวลาหลายปี พวกเขาเริ่มสร้างต้นแบบง่ายๆ แล้วนำไปทดสอบกับลูกค้าในเวลาไม่กี่สัปดาห์

ตัวอย่างในประเทศไทย: Bitkub Bitkub แพลตฟอร์มซื้อขายคริปโทฯ ชั้นนำของไทย เริ่มต้นด้วยการทำเว็บไซต์ง่ายๆ ที่มีฟีเจอร์พื้นฐานสำหรับซื้อขาย Bitcoin เท่านั้น

จากการใช้งานจริงของลูกค้าไทย พวกเขาเรียนรู้ว่าคนไทยต้องการอินเทอร์เฟซภาษาไทย ต้องการเหรียญดิจิทัลที่หลากหลาย และต้องการระบบฝาก-ถอนผ่านธนาคารไทย

วันนี้ Bitkub กลายเป็นแพลตฟอร์มคริปโทฯ อันดับ 1 ของไทย ด้วยผู้ใช้กว่า 1 ล้านคน

5 ข้อผิดพลาดที่ควรหลีกเลี่ยง

  1. ตกหลุมรักไอเดียของตัวเอง – อย่าสมมติว่าไอเดียเราดีแน่นอน ให้ทดสอบกับลูกค้าจริงก่อน
  2. กลัวการวิพากษ์วิจารณ์ – การแสดงสินค้าที่ยังไม่สมบูรณ์ให้คนอื่นดูอาจอายใจ แต่จำเป็นสำหรับการเรียนรู้
  3. เน้นคุณลักษณะมากกว่าประโยชน์ – ลูกค้าไม่สนใจว่าเทคโนโลยีเจ๋งแค่ไหน แต่สนใจว่าช่วยแก้ปัญหาอะไรได้
  4. ทำทุกอย่างด้วยตัวเอง – การขอความคิดเห็นจากคนอื่นเป็นเรื่องสำคัญมาก
  5. ใช้เวลานานเกินไปก่อนเปิดตัว – ยิ่งรอนาน โอกาสที่คู่แข่งจะมาก่อนก็ยิ่งสูง

เส้นทางสู่อนาคต

The Lean Startup ได้เปลี่ยนแปลงวิธีคิดของนักธุรกิจทั่วโลก วันนี้มหาวิทยาลัยชั้นนำอย่าง Stanford และ Harvard สอนหลักการนี้ในหลักสูตร บริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง Google และ Facebook ใช้หลักการนี้ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่

สำหรับคนไทยที่สนใจเริ่มธุรกิจ แนวคิด Lean Startup เป็นเครื่องมือที่ทรงพลังในการลดความเสี่ยงและเพิ่มโอกาสสำเร็จ โดยเฉพาะในยุคดิจิทัลที่การเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว

บทสรุป: เริ่มต้นวันนี้

หากคุณมีไอเดียธุรกิจ อย่านั่งวางแผนอยู่แต่บนโต๊ะ ลองเริ่มจากสิ่งเล็กๆ ที่ทำได้วันนี้ สร้าง MVP ง่ายๆ นำไปให้คนใช้จริง วัดผล แล้วเรียนรู้

จำไว้ว่า ความล้มเหลวไม่ใช่สิ่งน่ากลัว แต่เป็นข้อมูลที่มีค่าสำหรับการพัฒนา สิ่งที่น่ากลัวจริงๆ คือการใช้เวลาหลายปีสร้างสิ่งที่ไม่มีใครต้องการ

เส้นทางสู่ความสำเร็จไม่ได้วัดจากการไม่ล้มเหลว แต่วัดจากการเรียนรู้ได้เร็วและปรับตัวได้ดี และนั่นคือหัวใจหลักของ Lean Startup

“ความสำเร็จที่แท้จริงคือการเรียนรู้ที่รวดเร็วและการปรับตัวอย่างต่อเนื่อง ไม่ใช่การสร้างสิ่งที่สมบูรณ์แบบตั้งแต่วันแรก” – Eric Ries

#hrรีพอร์ต

Posted in

Leave a comment