คุณเคยนั่งจ้องหน้าจอคอมพิวเตอร์เปล่าๆ เป็นชั่วโมงไหม? เคยรู้สึกว่าตัวเองไม่เก่งพอที่จะเป็นนักเขียนไหม? หรือเคยมีไอเดียดีๆ แต่กลับไม่รู้จะเริ่มต้นยังไง?

ถ้าคำตอบคือ “ใช่” แสดงว่าคุณไม่ได้เป็นคนเดียว เพราะนี่คือสิ่งที่นักเขียนทุกคนผ่านมาแล้ว รวมถึง Mur Lafferty ผู้เขียนหนังสือ “I Should Be Writing: A Writer’s Workshop” ที่เราจะมาเล่าให้ฟังวันนี้

Mur เคยเป็นนักเขียนมือใหม่เหมือนเราทุกคน เธอเคยกังวลว่าตัวเองเขียนไม่เก่ง เคยติดปากกา และเคยรู้สึกว่าการเป็นนักเขียนเป็นเรื่องที่เอื้อมไม่ถึง แต่วันนี้เธอกลายเป็นนักเขียนมืออาชีพที่ได้รับรางวัล John W. Campbell Award และเป็นพอดแคสเตอร์ชื่อดังที่ช่วยเหลือนักเขียนมือใหม่มากว่า 15 ปี

เสียงในหัว

ลองนึกภาพดูสิ คุณกำลังจะเริ่มเขียนเรื่องสั้น แล้วก็มีเสียงในหัวบอกว่า:

“เอ๊ะ! คุณจะเขียนทำไม? คุณไม่ใช่นักเขียนหรอกนะ ดูสิ คนอื่นเขาเขียนได้ดีกว่าคุณเยอะแยะ คุณคิดว่าจะมีใครอ่านงานคุณเหรอ? เลิกเถอะ ไปดู Netflix ยังดีกว่า”

Mur เรียกเสียงนี้ว่า “The Bully” หรือ “ตัวกดดัน” – ตัวปีศาจที่อยู่ในหัวของนักเขียนทุกคน มันจะพยายามหาเหตุผลให้เราเลิกเขียน บอกว่าเราไม่เก่งพอ ไม่มีพรสวรรค์ หรือว่าการเขียนเป็นเรื่องเสียเวลา

แต่เธอก็บอกด้วยว่า นอกจาก “ตัวกดดัน” แล้ว เรายังมี “The Muse” หรือ “ตัวแรงบันดาลใจ” อีกตัวหนึ่งด้วย มันจะบอกว่า:

“เฮ้! ไอเดียนั้นเจ๋งจัง ลองเขียนดูสิ ไม่ต้องกลัวว่าจะไม่ดี เขียนไปก่อน แล้วค่อยแก้ไขทีหลัง การเขียนเป็นการเดินทาง ไม่ใช่จุดหมายปลายทาง”

ตำนานการเขียนที่ควรทิ้งไป

Mur เล่าว่า มีตำนานเกี่ยวกับการเขียนหลายอย่างที่ทำร้ายนักเขียนมือใหม่ เช่น:

ตำนาน 1: “นักเขียนที่ดีต้องเขียนได้ตั้งแต่ครั้งแรก”

ความจริงคือ ไม่มีใครเขียนได้สมบูรณ์แบบตั้งแต่แรก แม้แต่นักเขียนชื่อดังอย่าง Stephen King ยังต้องแก้ไขงานเขียนของตัวเองหลายรอบ การเขียนคือการร่าง แล้วค่อยขัดเกลา เหมือนการปั้นหม้อดิน ต้องปั้นรูปคร่าวๆ ก่อน แล้วค่อยแกะสลักรายละเอียด

ตำนาน 2: “ต้องรอแรงบันดาลใจมาก่อน”

Mur บอกว่า ถ้ารอแรงบันดาลใจ เราอาจจะไม่ได้เขียนอะไรเลยทั้งปี การเขียนเป็นเหมือนการออกกำลังกาย ยิ่งฝึกบ่อย “กล้ามเนื้อการเขียน” ก็จะแข็งแรงขึ้น และแรงบันดาลใจก็จะมาเองตามธรรมชาติ

ตำนาน 3: “ต้องมีพรสวรรค์พิเศษ”

เธอยกตัวอย่างว่า ตัวเธอเองก็ไม่ใช่คนที่มีพรสวรรค์พิเศษอะไร แต่เธอขยันฝึกฝน อ่านหนังสือเยอะ และเขียนสม่ำเสมอ นั่นคือสิ่งที่ทำให้เธอเก่งขึ้นเรื่อยๆ

ศิลปะของการเริ่มต้น

ปัญหาใหญ่ที่สุดของนักเขียนมือใหม่คือ “ไม่รู้จะเริ่มยังไง” Mur แนะนำให้เริ่มจากสิ่งเล็กๆ น้อยๆ ก่อน

เธอเล่าเรื่องหนึ่งว่า เคยมีคนถามเธอว่า “ผมอยากเขียนนิยายเรื่องยาวๆ แต่ไม่รู้จะเริ่มยังไง”

Mur ตอบว่า “งั้นลองเขียนเรื่องสั้น 500 คำก่อนสิ”

“แต่ผมอยากเขียนนิยาย ไม่ใช่เรื่องสั้น”

“ถ้าเขียนเรื่องสั้น 500 คำยังไม่ได้ จะเขียนนิยาย 50,000 คำได้ยังไง?”

นี่คือความจริงที่หลายคนมองข้าม การเขียนเป็นทักษะที่ต้องสะสมทีละน้อย เหมือนการเรียนดนตรี เราไม่ได้เริ่มจากการเล่นเพลงใหญ่ยาวๆ เราเริ่มจากการกดโน้ตทีละตัว

กฎ 15 นาที

หนึ่งในคำแนะนำที่ดีที่สุดในหนังสือคือ “กฎ 15 นาที” Mur บอกว่า ถ้าคุณไม่มีเวลาเขียน ให้ลองเขียนแค่ 15 นาทีต่อวัน

“15 นาที?” หลายคนอาจจะคิดว่า “จะเขียนอะไรได้ใน 15 นาที?”

แต่ลองคิดดูสิ ใน 15 นาที เขียนได้ประมาณ 100-200 คำ ในหนึ่งสัปดาห์ได้ 700-1400 คำ ในหนึ่งเดือนได้ 3000-6000 คำ ในหนึ่งปีได้ 36,000-72,000 คำ

36,000 คำ นั่นคือนิยายเรื่องสั้นหรือหนังสือเล่มเล็กเต็มๆ เลย!

Mur เล่าว่า เธอเคยเขียนนิยายเรื่องหนึ่งโดยใช้วิธีนี้ เขียนแค่ 15-30 นาทีก่อนไปทำงานทุกเช้า ภายในปีเดียว เธอก็มีนิยายเรื่องแรกเสร็จสมบูรณ์

การจัดการกับความสมบูรณ์แบบ

อีกหนึ่งปัญหาใหญ่ที่ Mur พูดถึงคือ “การไล่ตามความสมบูรณ์แบบ” หลายคนเขียนไปสักพักแล้วกลับมาอ่านใหม่ แล้วคิดว่า “ห่วยแตกจัง เขียนใหม่เลยดีกว่า”

เธอบอกว่า นี่คือกับดักที่ทำให้หลายคนไม่เคยจบงานเขียนสักเรื่อง เพราะพอเขียนไปได้หน้าหนึ่ง ก็กลับมาแก้หน้าแรก พอเขียนไปได้บทที่สอง ก็กลับมาแก้บทแรก วนเวียนแบบนี้ไปเรื่อยๆ

วิธีแก้ที่เธอแนะนำคือ “เขียนให้จบก่อน แล้วค่อยแก้”

เธอยกตัวอย่างการทำอาหาร เวลาทำแกงเขียวหวาน เราไม่ได้ใส่ผักชิ้นหนึ่ง แล้วลิ้มรส แล้วปรุงรสใหม่ แล้วใส่ผักชิ้นต่อไป เราใส่วัตถุดิบให้หมดก่อน แล้วค่อยปรุงรสท้ายสุด

การเขียนก็เหมือนกัน เขียนให้จบเรื่องก่อน แล้วค่อยกลับมาแก้ไข ปรับปรุง และขัดเกลา

เทคนิคการหาไอเดีย

Mur แนะนำเทคนิคง่ายๆ ในการหาไอเดียเขียน เธอบอกให้สังเกตุสิ่งรอบตัวและถามคำถาม “What if?” (จะเป็นยังไงถ้า…)

ตัวอย่าง:

  • เห็นคนเดินผ่านไปหน้าร้านกาแฟ → “จะเป็นยังไงถ้าเขาเป็นสายลับที่ติดตามใครบางคน?”
  • เห็นแมวนั่งมองออกหน้าต่าง → “จะเป็นยังไงถ้าแมวเห็นสิ่งที่คนมองไม่เห็น?”
  • ฟังข่าวการจราจรติดขัด → “จะเป็นยังไงถ้าคนที่ติดรถมีเรื่องลึกลับที่ต้องไปแก้ไข?”

เธอบอกว่า ไอเดียอยู่รอบตัวเราตลอดเวลา แค่เราต้องหยุดสังเกต และให้จินตนาการทำงาน

การสร้างนิสัยการเขียน

Mur เน้นเรื่องการสร้างนิสัยมากกว่าการรอแรงบันดาลใจ เธอแนะนำให้:

1. กำหนดเวลาคงที่ เลือกเวลาที่ชัดเจน เช่น 6:00-6:15 น. ทุกวัน หรือ 21:00-21:15 น. ทุกคืน สำคัญคือต้องทำสม่ำเสมอ

2. เตรียมสถานที่ หาที่นั่งเขียนที่เงียบสงบ อาจจะเป็นโต๊ะทำงาน มุมในห้องนั่งเล่น หรือแม้แต่ร้านกาแฟ

3. ปิดสิ่งรบกวน ปิดโทรศัพท์ ปิดอินเทอร์เน็ต ปิดทีวี ให้มีแค่เราและกระดาษ (หรือคอมพิวเตอร์) เท่านั้น

4. เขียนอะไรก็ได้ ไม่จำเป็นต้องเป็นเรื่องราวยิ่งใหญ่ เขียนเรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้ เขียนความฝัน เขียนความคิดเห็นเรื่องหนังที่ดูมา อะไรก็ได้ ที่สำคัญคือการเขียน

เมื่อความกลัวมาเยือน

ทุกนักเขียนจะเจอช่วงที่กลัว กลัวว่าไม่มีใครอ่าน กลัวว่าจะถูกวิจารณ์ กลัวว่าเขียนแล้วจะไม่ดี

Mur เล่าประสบการณ์ตัวเองว่า ตอนเพิ่งเริ่มเขียน เธอเขียนบล็อกแต่ไม่เคยให้ใครอ่าน เก็บไฟล์ไว้ในคอมพิวเตอร์อย่างเดียว แต่วันหนึ่งเธอคิดได้ว่า “ถ้าไม่มีใครอ่าน ก็ไม่มีใครรู้ว่าเราเขียนแย่ แต่ก็ไม่มีใครรู้ว่าเราเขียนดีด้วย”

เธอจึงเริ่มแชร์งานเขียนในกลุ่มเล็กๆ ครั้งแรกหัวใจเต้นแรงมาก แต่พอได้รับผลตอบรับที่ดี (แม้จะมีคำแนะนำปรับปรุงบ้าง) เธอก็รู้สึกมั่นใจขึ้น

“ความกลัวเป็นเรื่องปกติ” เธอบอก “แต่อย่าให้ความกลัวมาหยุดเราจากการเขียน เพราะถ้าเราไม่เขียน เราก็จะไม่มีวันรู้ว่าเราเขียนได้แค่ไหน”

แบบฝึกหัด

ในหนังสือมีแบบฝึกหัดมากมายที่ Mur ใช้กับลูกศิษย์ ตัวอย่างที่น่าสนใจ:

แบบฝึกหัด “จดหมายถึงตัวเอง 10 ปีข้างหน้า” เขียนจดหมายถึงตัวเองในอนาคต บอกเล่าเรื่องราวปัจจุบัน ความฝัน ความกลัว และสิ่งที่หวังว่าจะเกิดขึ้น นี่จะช่วยให้เราเข้าใจตัวเองและสิ่งที่เราต้องการจากการเขียนมากขึ้น

แบบฝึกหัด “เขียนจากภาพถ่าย” เอาภาพถ่ายใดภาพหนึ่งมาดู แล้วเขียนเรื่องราวที่เกิดขึ้นก่อนหน้าหรือหลังจากช่วงเวลานั้น ใครคือคนในรูป? พวกเขามาทำอะไรที่นี่? จะเกิดอะไรขึ้นต่อไป?

แบบฝึกหัด “เปลี่ยนมุมมอง” เอาเรื่องดังที่รู้จักมาเล่าใหม่จากมุมมองของตัวร้าย ตัวอย่าง เรื่องซินเดอเรลล่าจากมุมมองของแม่เลี้ยง หรือเรื่องเจ้าหญิงหิมะจากมุมมองของกระจกวิเศษ

ข้อความสำคัญ

ท้ายที่สุดแล้ว Mur อยากให้นักเขียนมือใหม่จำไว้ว่า:

1. คุณไม่ได้อยู่คนเดียว นักเขียนทุกคนผ่านปัญหาเดียวกันมาแล้ว การติดปากกา ความกลัว ความไม่มั่นใจ เป็นเรื่องปกติ

2. การเขียนไม่ใช่เรื่องลึกลับ มันเป็นทักษะที่ฝึกฝนได้ เหมือนการขับรถหรือทำอาหาร ยิ่งฝึกบ่อย ยิ่งเก่ง

3. เริ่มจากสิ่งเล็กๆ ไม่ต้องเขียนเป็นนิยายยาวๆ ตั้งแต่วันแรก เริ่มจาก 15 นาทีต่อวัน เขียนเรื่องสั้นๆ ทีละน้อย

4. ความสมบูรณ์แบบไม่มีอยู่จริง การเขียนดีคือการเขียนให้จบ ไม่ใช่การเขียนให้สมบูรณ์แบบ

5. ฟังเสียงแรงบันดาลใจ เพิกเฉยเสียงกดดัน ในหัวของเราจะมีทั้งสองเสียง เลือกฟังเสียงที่ให้กำลังใจ ไม่ใช่เสียงที่ทำลาย

สรุป

เมื่ออ่านหนังสือ “I Should Be Writing” จบ เราจะรู้สึกเหมือนได้รับพลังใหม่ในการเขียน Mur ไม่ได้สัญญาว่าการเขียนจะง่าย แต่เธอทำให้เราเชื่อว่าการเขียนเป็นสิ่งที่ทำได้

หนังสือเล่มนี้เหมือนเพื่อนที่คอยให้กำลังใจตอนที่เราท้อ คอยเตือนตอนที่เราลืมว่าทำไมถึงอยากเขียน และคอยแนะนำทางเมื่อเราหลงทิศ

สิ่งสำคัญที่สุดที่ Mur อยากจะบอกคือ หยุดหาข้อแก้ตัว หยุดรอให้ถึงเวลาที่เหมาะสม หยุดรอแรงบันดาลใจ

เพราะถ้าคุณอยากเป็นนักเขียน มีแค่สิ่งเดียวที่คุณต้องทำ

นั่นคือการเขียน

วันนี้ ตอนนี้ เดี๋ยวนี้ เลย

เอากระดาษมา หยิบปากกาขึ้น หรือเปิดคอมพิวเตอร์ แล้วเริ่มเขียน เขียนอะไรก็ได้ แค่ 15 นาที

เพราะอย่างที่ Mur พูดไว้ “I Should Be Writing” แปลว่า “ผมควรจะเขียนแล้ว”

แล้วคุณล่ะ? คุณควรจะเขียนแล้วหรือยัง?


หนังสือ “I Should Be Writing: A Writer’s Workshop” ของ Mur Lafferty เป็นหนังสือที่ควรอ่านสำหรับทุกคนที่อยากเขียน ไม่ว่าจะเป็นนักเขียนมือใหม่หรือคนที่เขียนมาสักพักแล้วแต่ยังรู้สึกติดขัด หนังสือเล่มนี้จะช่วยให้คุณเข้าใจว่า การเขียนไม่ใช่เรื่องลึกลับหรือยาก แต่เป็นเรื่องของการลงมือทำ และทำอย่างสม่ำเสมอ

#hrรีพอร์ต

Posted in

Leave a comment