คนที่อยู่เบื้องหลัง Microsoft
เมื่อพูดถึง Microsoft คนส่วนใหญ่จะนึกถึงบิล เกตส์ ชายผู้ร่ำรวยที่สุดในโลก แต่มีชายคนหนึ่งที่ถูกประวัติศาสตร์ลืม นั่นคือ พอล อัลเลน (Paul Allen) ผู้ร่วมก่อตั้ง Microsoft ที่มีส่วนสำคัญไม่แพ้ใครในการสร้างจักรวรรดิซอฟต์แวร์ยักษ์ใหญ่แห่งนี้
หนังสือ “Idea Man: A Memoir by the Cofounder of Microsoft” เป็นการเล่าเรื่องราวชีวิตของพอล อัลเลน ด้วยตัวเขาเอง ตั้งแต่วัยเด็กที่หลงใหลเทคโนโลยี จนกลายเป็นเศรษฐีพันล้านที่ใช้ชีวิตตามความฝัน แต่ที่สำคัญที่สุดคือเรื่องราวความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนระหว่างเขากับบิล เกตส์ เพื่อนเก่าที่กลายมาเป็นคู่หูทางธุรกิจ และในที่สุดก็กลายเป็นคนแปลกหน้า
วัยเด็กและการพบกับเทคโนโลยี
พอล อัลเลน เกิดเมื่อปี 1953 ที่ซีแอตเทิล ตั้งแต่เด็กเขาก็แสดงความสนใจในวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี พ่อของเขาทำงานเป็นบรรณารักษ์ในมหาวิทยาลัย วอชิงตัน ทำให้พอลได้เข้าถึงหนังสือและความรู้ได้ง่าย
“ตอนเด็ก ผมชอบแกะของเล่นออกมาดูว่าข้างในมีอะไร” พอลเล่าในหนังสือ “ผมอยากรู้ว่าทุกอย่างทำงานยังไง ตั้งแต่วิทยุ ตู้เย็น ไปจนถึงรถยนต์”
จุดเปลี่ยนสำคัญในชีวิตของพอลเกิดขึ้นเมื่อเขาได้เข้าเรียนที่โรงเรียน Lakeside School โรงเรียนมัธยมเอกชนที่มีคอมพิวเตอร์ให้นักเรียนใช้ ซึ่งในยุคนั้น (ช่วงปลายทศวรรษ 1960) การมีคอมพิวเตอร์ในโรงเรียนถือเป็นเรื่องแปลกมาก
พบกับบิล เกตส์
ที่โรงเรียน Lakeside นั่นเองที่พอลได้พบกับบิล เกตส์ น้องชาย 2 ปี ที่มีความสนใจเรื่องคอมพิวเตอร์เหมือนกัน แม้บิลจะอายุน้อยกว่า แต่เขาแสดงความสามารถด้านการเขียนโปรแกรมที่โดดเด่น
“บิลเป็นคนที่มีสมองไว มาก” พอลเล่า “เขาเรียนรู้สิ่งใหม่ได้เร็วกว่าคนอื่น และมีความมุ่งมั่นสูงมาก เวลาเขาตั้งใจทำอะไร เขาจะทำจนสำเร็จ”
ทั้งคู่เริ่มทำงานด้วยกันตั้งแต่วัยรุ่น พวกเขาได้งานเขียนโปรแกรมจากบริษัทต่างๆ และสร้างบริษัทเล็กๆ ชื่อ Traf-O-Data เพื่อขายระบบวิเคราะห์การจราจร แม้ธุรกิจนี้จะไม่ประสบความสำเร็จ แต่เป็นประสบการณ์สำคัญที่ทำให้ทั้งคู่เรียนรู้เรื่องธุรกิจ
จุดเปลี่ยนประวัติศาสตร์: Altair 8800
ปี 1974 พอลกำลังทำงานที่บริษัท Honeywell ในบอสตัน วันหนึ่งเขาเดินผ่านแผงขายนิตยสารและเห็นปกของ Popular Electronics ประจำเดือนมกราคม 1975 ที่มีรูปเครื่อง Altair 8800 เครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลรุ่นแรกๆ
“ผมรู้ทันทีว่านี่คือสิ่งที่เราต้องรอ” พอลเล่า “ผมโทรหาบิลทันทีและบอกว่า ‘นี่คือโอกาสของเรา! ถ้าเราไม่จับตอนนี้ เราจะพลาดไป’”
ปัญหาคือเครื่อง Altair มีแต่ฮาร์ดแวร์ ไม่มีซอฟต์แวร์ที่ใช้งานง่าย พอลและบิลเลยเสนอที่จะสร้างภาษา BASIC (ภาษาโปรแกรมที่ใช้งานง่าย) สำหรับเครื่องนี้
สิ่งที่น่าทึ่งคือ ทั้งคู่ยังไม่เคยเห็นเครื่อง Altair ตัวจริง! พวกเขาต้องศึกษาคู่มือและสร้างโปรแกรมโดยจินตนาการว่าเครื่องทำงานยังไง เมื่อพอลบินไปทดสอบที่บริษัท MITS (ผู้ผลิต Altair) ที่นิวเม็กซิโก โปรแกรมทำงานได้สำเร็จในครั้งแรก!
การเกิดของ Microsoft
ความสำเร็จของ BASIC สำหรับ Altair เป็นจุดเริ่มต้นของ Microsoft เมื่อวันที่ 4 เมษายน 1975 พอลอัลเลนและบิล เกตส์ก่อตั้งบริษัท Micro-Soft (เขียนแยกคำในตอนแรก) โดยมีพอลเป็นคนคิดชื่อบริษัท
“ผมอยากได้ชื่อที่บอกได้ว่าเราทำเรื่อง microcomputer software” พอลอธิบาย “เลยคิดว่า Microsoft น่าจะเหมาะ”
ในช่วงแรก พอลทำหน้าที่เป็น “คนคิด” ส่วนบิลเป็น “คนขาย” พอลจะคิดสิ่งใหม่ๆ หาโอกาสทางธุรกิจ และพัฒนาเทคโนโลยี ขณะที่บิลจะไปคุยกับลูกค้าและจัดการเรื่องการเงิน
ยุคทอง: MS-DOS และ Windows
ผลงานชิ้นเอกของ Microsoft คือระบบปฏิบัติการ MS-DOS ที่ได้สัญญาจาก IBM ในปี 1980 แต่เบื้องหลังความสำเร็จนี้มีเรื่องราวที่น่าสนใจ
เมื่อ IBM ต้องการระบบปฏิบัติการสำหรับ PC รุ่นใหม่ Microsoft ไม่มีผลิตภัณฑ์ตรงนี้ พอลเลยหาซื้อระบบปฏิบัติการชื่อ QDOS (Quick and Dirty Operating System) จากบริษัทเล็กๆ แล้วพัฒนาต่อให้เป็น MS-DOS
“คนมักจะคิดว่าเราโกงหรือฉลาดเกินไป” พอลเล่า “แต่จริงๆ แล้วเราแค่เห็นโอกาสและกล้าตัดสินใจเร็วกว่าคนอื่น”
ต่อมาพอลก็เป็นคนผลักดันให้ Microsoft พัฒนา Windows ระบบปฏิบัติการแบบกราฟิกที่ใช้เมาส์ แม้บิลจะไม่ค่อยเชื่อมั่นในตอนแรก
“ผมมองเห็นว่าอนาคตคอมพิวเตอร์จะต้องใช้งานง่ายขึ้น” พอลอธิบาย “การพิมพ์คำสั่งแบบ DOS มันยากเกินไปสำหรับคนทั่วไป Windows จะทำให้ทุกคนใช้คอมพิวเตอร์ได้”
ความสัมพันธ์ที่เริ่มร้าวฉาน
แม้จะประสบความสำเร็จร่วมกัน แต่ความสัมพันธ์ระหว่างพอลและบิลเริ่มมีปัญหา พอลรู้สึกว่าบิลไม่เห็นคุณค่าของไอเดียและผลงานของเขา
“บิลมักจะพูดในที่ประชุมว่า ‘ไอเดียนั้นไม่ดี’ หรือ ‘เราไม่ควรทำแบบนั้น’ โดยไม่ได้ฟังเหตุผลของผมให้จบ” พอลเล่า “บางครั้งผมรู้สึกว่าเขามองผมแค่เป็นคนเขียนโค้ด ไม่ใช่หุ้นส่วน”
ตัวอย่างหนึ่งคือเรื่องการพัฒนาเมาส์สำหรับ PC ในตอนแรกบิลคิดว่าเมาส์เป็นของเล่น ไม่มีประโยชน์ แต่พอลยืนยันว่าอนาคตคอมพิวเตอร์ต้องใช้เมาส์ และในที่สุด Microsoft ก็ได้กำไรมหาศาลจากการขายเมาส์
วิกฤตสุขภาพและการได้ยินการสนทนาที่ทำลายใจ
ปี 1982 พอลได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรค Hodgkin’s lymphoma (มะเร็งต่อมน้ำเหลือง) เขาต้องหยุดงานเพื่อรักษาตัว ในช่วงนั้นเขารู้สึกกังวลทั้งเรื่องสุขภาพและอนาคตของบริษัท
วันหนึ่ง ขณะที่พอลอยู่ในห้องทำงานหลังเสร็จสิ้นการรักษา เขาได้ยินบิลคุยกับสตีฟ บอลเมอร์ (Steve Ballmer) ผู้บริหารระดับสูงของ Microsoft ในห้องข้างๆ
“ผมได้ยินพวกเขาคุยเรื่องการลดสัดส่วนหุ้นของผม” พอลเล่า “บิลบอกว่าผมไม่ได้ทำงานเต็มที่ และเขาคิดว่าควรจะลดสัดส่วนผลตอบแทนของผม”
การสนทนานี้ทำให้พอลรู้สึกทรยศอย่างสุดซึ้ง เขาตัดสินใจเผชิญหน้ากับบิล
“ผมเข้าไปหาบิลและถามตรงๆ ว่า ‘นายคิดจริงหรือ?’ บิลหน้าแดง ไม่รู้จะพูดอะไร” พอลเล่า “ผมบอกเขาว่า ‘ถ้านายคิดแบบนั้น ผมออกจาก Microsoft ดีกว่า’”
การจากลา Microsoft
ปี 1983 พอล อัลเลนประกาศลาออกจากตำแหน่งรองประธานของ Microsoft แต่ยังคงเป็นเจ้าของหุ้น ขณะที่เขาออกไป Microsoft กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว หุ้นของเขาในบริษัททำให้เขากลายเป็นเศรษฐีพันล้าน
“การออกจาก Microsoft เป็นการตัดสินใจที่ยากที่สุดในชีวิต” พอลเล่า “แต่ผมรู้ว่าผมและบิลมองโลกคนละแบบ เขาต้องการควบคุมทุกอย่าง ส่วนผมอยากทำสิ่งใหม่ๆ”
หลังออกจาก Microsoft พอลไม่ได้นิ่งนอนใจ เขาใช้ความร่ำรวยทำในสิ่งที่หลงใหล:
1. การลงทุนในทีมกีฬา
- ซื้อทีมบาสเก็ตบอล Portland Trail Blazers ปี 1988
- ซื้อทีมอเมริกันฟุตบอล Seattle Seahawks ปี 1997
- ทั้งสองทีมประสบความสำเร็จในสนาม โดย Seahawks คว้าแชมป์ Super Bowl ปี 2013
“ผมเป็นแฟนกีฬามาตั้งแต่เด็ก การได้เป็นเจ้าของทีม เหมือนกับได้ใช้ชีวิตตามความฝัน” พอลเล่า
2. การลงทุนด้านเทคโนโลยี
พอลก่อตั้งบริษัท Vulcan Ventures เพื่อลงทุนในเทคโนโลยีแนวหน้า เช่น:
- ปัญญาประดิษฐ์
- การแพทย์
- พลังงานสะอาด
- การสำรวจอวกาศ
“ผมเชื่อว่าเทคโนโลยีจะแก้ปัญหาใหญ่ของโลกได้” พอลอธิบาย “ไม่ว่าจะเป็นโรคภัยไข้เจ็บ วิกฤตพลังงาน หรือการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ”
3. การสร้างพิพิธภัณฑ์
พอลสร้าง Museum of Flight ในซีแอตเทิล เป็นพิพิธภัณฑ์การบินที่ใหญ่ที่สุดในโลก เพราะเขาหลงใหลเครื่องบิน
“เครื่องบินเป็นตัวอย่างที่ดีของนวัตกรรมของมนุษย์” พอลเล่า “จากที่บินไม่ได้ใน 100 ปีที่แล้ว เดี๋ยวนี้เราส่งคนไปดาวอังคารได้”
4. การกุศล
พอลให้เงินการกุศลหลายพันล้านเหรียญ โดยเฉพาะด้าน:
- การศึกษาวิทยาศาสตร์
- การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม
- การวิจัยโรคสมอง
บทเรียนจากชีวิต
ในช่วงท้ายของหนังสือ พอลได้สะท้อนบทเรียนสำคัญจากชีวิต:
1. ความสำเร็จไม่ได้มาจากคนคนเดียว
“Microsoft สำเร็จได้เพราะมีคนหลายคนร่วมกันสร้าง ไม่ใช่แค่ผมกับบิล มีวิศวกรดีๆ นักการตลาดเก่ง และพนักงานทุกคนที่ทำงานหนัก”
2. การให้เกียรติกันสำคัญ
“ในธุรกิจ คนมักจะลืมไปว่าเราทำงานร่วมกับคน ไม่ใช่เครื่องจักร การให้เกียรติและเคารพกันจะทำให้ผลงานดีขึ้น”
3. อย่าหยุดฝัน
“เงินเป็นแค่เครื่องมือ สิ่งที่สำคัญคือเราจะใช้มันทำอะไรที่มีความหมาย ผมใช้เงินทำในสิ่งที่ผมเชื่อว่าจะทำให้โลกดีขึ้น”
4. นวัตกรรมต้องใช้ความกล้า
“ไอเดียดีๆ มักจะถูกคนคัดค้านในตอนแรก Windows ถูกหัวเราะในตอนแรก แต่กลายเป็นมาตรฐานของโลก”
ความสัมพันธ์กับบิล เกตส์ในปัจจุบัน
แม้จะมีช่วงเวลาที่ความสัมพันธ์เย็นชา แต่พอลและบิลได้คืนดีกัน โดยเฉพาะหลังจากที่บิลออกจาก Microsoft เพื่อทำงานการกุศล
“เราเป็นเพื่อนมา 50 ปี มีขึ้นๆ ลงๆ บ้าง แต่ผมยังเคารพในความสามารถของบิล และเขาก็เคารพผม” พอลเล่า “สิ่งที่เราสร้างร่วมกันจะอยู่ต่อไปตลกาล”
มรดกของ Idea Man
พอล อัลเลน เสียชีวิตเมื่อปี 2018 ด้วยโรคมะเร็ง แต่มรดกของเขายังคงอยู่ต่อไป ไม่เพียงแค่ในรูปของ Microsoft แต่ยังรวมถึง:
- นวัตกรรมทางเทคโนโลยีที่เขาสนับสนุน
- ทีมกีฬาที่เขาทำให้ประสบความสำเร็จ
- พิพิธภัณฑ์ที่เขาสร้างเพื่อการศึกษา
- องค์กรการกุศลที่เขาก่อตั้ง
“ผมอยากให้คนจำผมในฐานะคนที่ไม่เคยหยุดคิดสิ่งใหม่” พอลเขียนในบทสุดท้ายของหนังสือ “ไม่ว่าจะเป็นการสร้างซอฟต์แวร์ แก้ปัญหาโรคร้าย หรือส่งคนไปอวกาศ ความฝันของมนุษย์ไม่มีขีดจำกัด”
หนังสือ “Idea Man” ไม่เพียงแค่เล่าเรื่องราวของผู้ร่วมก่อตั้ง Microsoft แต่เป็นเรื่องราวของคนคนหนึ่งที่ใช้ชีวิตตามความฝัน และพยายามใช้ความสามารถของตัวเองทำให้โลกดีขึ้น ถึงแม้เขาจะไม่ได้มีชื่อเสียงเท่าบิล เกตส์ แต่ผลงานของเขาได้เปลี่ยนแปลงชีวิตของคนนับล้านทั่วโลก
สำหรับใครที่สนใจเรื่องราวของการสร้างนวัตกรรม ความสัมพันธ์ในการทำงาน และการใช้ชีวิตอย่างมีความหมาย “Idea Man” เป็นหนังสือที่น่าอ่านและสร้างแรงบันดาลใจได้อย่างมาก
#hrรีพอร์ต
Leave a comment