จากความหวังสู่ความจริงที่โหดร้าย

เมื่อ 25 ปีที่แล้ว นักเขียนชื่อดัง Malcolm Gladwell เปิดโลกใหม่ให้เราด้วยหนังสือ “The Tipping Point” ที่บอกว่า “การเปลี่ยนแปลงเล็กๆ สามารถสร้างผลกระทบใหญ่ได้” หนังสือเล่มนั้นเต็มไปด้วยความหวัง เล่าเรื่องราวว่าเราสามารถสร้างการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกให้สังคมได้ด้วยการกระทำเล็กๆ น้อยๆ

แต่โลกในวันนี้ไม่เหมือนเมื่อ 25 ปีก่อนแล้ว เราผ่านวิกฤตโควิด-19 มา เห็นวิกฤตยาเสพติดที่คร่าชีวิตคนอเมริกันหลักหมื่น และเผชิญหน้ากับการจัดการสังคมที่อาจเป็นอันตราย Gladwell จึงกลับมาอีกครั้งด้วยหนังสือ “Revenge of the Tipping Point: Overstories, Superspreaders, and the Rise of Social Engineering”

ครั้งนี้ เขาไม่ได้มาเล่าเรื่องราวแสนหวาน แต่มาเปิดเผยด้านมืดของการแพร่กระจายทางสังคม มาบอกว่าเครื่องมือเดียวกันที่เราใช้สร้างโลกที่ดีขึ้น สามารถถูกใช้ทำลายเราได้เช่นกัน

เรื่องเล่าจากยาเสพติดที่สอนโลกได้

เริ่มต้นด้วยคำถามง่ายๆ ที่ทำให้เราต้องคิด: ทำไมรัฐอิลลินอยส์ในอเมริกาถึงมีปัญหายาเสพติดน้อยกว่ารัฐอินเดียนาที่อยู่ติดกัน? ทั้งสองรัฐมีสภาพเศรษฐกิจและสังคมคล้ายกัน แต่อัตราการติดยาเสพติดและการเสียชีวิตต่างกันมาก

คำตอบคือระบบเล็กๆ ที่ดูไม่สำคัญ รัฐอิลลินอยส์มีกฎหมายให้หมอต้องเขียนใบสั่งยาแบบ “สามฉบับ” เมื่อสั่งยาอันตราย หนึ่งฉบับให้ผู้ป่วย หนึ่งฉบับเก็บไว้ในแฟ้มของตัวเอง และอีกหนึ่งฉบับส่งให้หน่วยงานของรัฐ

ระบบนี้ดูน่าเบื่อและยุ่งยาก แต่มันกลายเป็นสิ่งที่ Gladwell เรียกว่า “Overstory” หรือ “เรื่องเล่าใหญ่ที่ซ่อนอยู่” ระบบการเขียนใบสั่งยาแบบสามฉบับส่งสัญญาณให้หมอว่า “ยาตัวนี้ต่างจากยาปกติ ต้องระวัง” ทำให้หมอคิดก่อนสั่งจ่าย

ผลลัพธ์? รัฐที่มีระบบนี้มีอัตราการติดยาเสพติดและการเสียชีวิตจากยาเสพติดต่ำกว่ารัฐที่ไม่มีมาก ในขณะที่บริษัทยาอย่าง Purdue Pharma (ผู้ผลิต OxyContin) กับที่ปรึกษาจาก McKinsey ไปกระจุกตัวขายยาในรัฐที่ไม่มีระบบกำกับดูแลเข้มงวด

แนวคิดใหม่ที่เปลี่ยนวิธีมองโลก: สาม O

1. Overstories: เรื่องเล่าใหญ่ที่ควบคุมใจเรา

Overstories คือเรื่องเล่า ความเชื่อ หรือกรอบความคิดที่อยู่เหนือความรู้สึกและการกระทำของเรา บางครั้งเราไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่ามันมีอยู่

ยกตัวอย่างง่ายๆ จากรายการทีวีที่เปลี่ยนโลก คือ “Will & Grace” รายการที่แสดงเรื่องราวมิตรภาพระหว่างหญิงสาวกับชายเกย์ Gladwell โต้แย้งว่ารายการนี้เปลี่ยน “Overstory” เกี่ยวกับคนรักร่วมเพศในสังคมอเมริกัน แทนที่จะเป็น “คนแปลก” พวกเขากลายเป็น “เพื่อนที่น่ารัก”

การเปลี่ยนแปลงเรื่องเล่าใหญ่นี้ช่วยเปิดทางให้การแต่งงานเพศเดียวกันได้รับการยอมรับในที่สุด

2. Superspreaders: คนพิเศษที่แพร่กระจายทุกอย่าง

Superspreaders ไม่ใช่แค่คนที่แพร่เชื้อโรค แต่รวมถึงคนที่แพร่กระจายไอเดีย ความคิด หรือแนวโน้มต่างๆ ด้วย

ตัวอย่างที่ชัดเจนที่สุดคือการประชุมของบริษัท Biogen ที่บอสตัน เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2020 คนเพียงคนเดียว (หรือไม่กี่คน) ที่ติดเชื้อโควิดมาในงานนี้ กลายเป็นต้นเหตุของการแพร่เชื้อที่ส่งผลให้มีผู้ติดเชื้อมากกว่า 300,000 คนในที่สุด

นี่ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ การศึกษาพบว่าในการระบาดใดๆ มักมีคนจำนวนน้อย (ประมาณ 10-20%) ที่รับผิดชอบการแพร่เชื้อส่วนใหญ่ (ประมาณ 80%)

แนวคิดนี้ใช้ได้กับหลายสิ่งหลายอย่าง เช่น การแพร่กระจายข่าวลือ การเปลี่ยนแปลงทางการเมือง หรือแม้แต่แฟชั่นใหม่ๆ

3. Magic Third: สูตรลับหนึ่งในสาม

นี่เป็นแนวคิดที่น่าสนใจที่สุด Gladwell อ้างว่าการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญจะเกิดขึ้นเมื่อกลุ่มคนส่วนน้อยมีสัดส่วนประมาณ 1 ใน 3 ของกลุ่มรวม

เมื่อสัดส่วนน้อยกว่านี้ คนในกลุ่มส่วนน้อยจะรู้สึกเป็น “ตัวแทน” ของกลุ่มตัวเอง ต้องระวังการพูดจาและการกระทำ กลัวว่าจะทำให้กลุ่มตัวเองเสียหาย แต่เมื่อถึงสัดส่วน 1 ใน 3 พวกเขาจะรู้สึกปลอดภัยพอที่จะแสดงออกและสร้างการเปลี่ยนแปลงได้

Gladwell ใช้แนวคิดนี้อธิบายว่าทำไม Harvard ถึงมีทีมกีฬาแปลกๆ มากมาย เช่น รักบี้สำหรับผู้หญิง ที่โค้ชต้องบินไปทั่วโลกหานักกีฬามาเล่น

เหตุผล? เพื่อป้องกันไม่ให้นักศึกษาจากกลุ่มชาติพันธุ์ส่วนน้อยมีสัดส่วนถึง 1 ใน 3 เพราะถ้าถึงจุดนั้น พวกเขาอาจเริ่มเรียกร้องการเปลี่ยนแปลงในมหาวิทยาลัยได้

เรื่องเล่าจากลอสแอนเจลิส: เมื่อเมืองเปลี่ยนชีวิตข้ามคืน

Gladwell เล่าเรื่องราวของลอสแอนเจลิสในปี 1980 ที่เปลี่ยนจาก “เมืองแห่งความฝัน” เป็น “เมืองแห่งอาชญากรรม” ภายในเวลาไม่กี่ปี

สาเหตุไม่ใช่เรื่องใหญ่อย่างเดียว แต่เป็นการรวมตัวของปัจจัยเล็กๆ หลายอย่าง: การไหลเข้าของเงินจากยาเสพติด การเปลี่ยนแปลงทางประชากรศาสตร์ และการล่มสลายของสถาบันต่างๆ

เมื่อปัจจัยเหล่านี้มารวมกันในจังหวะเวลาเดียวกัน มันกลายเป็น “จุดเปลี่ยน” ที่เปลี่ยนอัตลักษณ์ของเมืองทั้งเมือง

นี่คือตัวอย่างของพลังของ “Overstory” ที่เปลี่ยนไป เมื่อเรื่องเล่าของเมืองเปลี่ยนจาก “นี่คือที่ที่ฝันสำเร็จ” เป็น “นี่คือที่อันตราย” พฤติกรรมของคนก็เปลี่ยนตาม

บทเรียนจากโจรปล้นธนาคารที่ประสบความสำเร็จ

ในหนังสือมีเรื่องเล่าน่าสนใจเกี่ยวกับโจรปล้นธนาคารกลุ่มหนึ่งที่ประสบความสำเร็จอย่างไม่น่าเชื่อ พวกเขาไม่ได้ใช้ปืนหรือความรุนแรง แต่ใช้การแต่งตัวดีๆ พูดจาสุภาพ และวิธีการทางจิตวิทยา

สิ่งที่น่าสนใจคือ พวกเขาเข้าใจ “Overstory” ของธนาคาร พนักงานธนาคารถูกฝึกให้บริการลูกค้า ไม่ให้สร้างความขัดแย้ง เมื่อมีคนแต่งตัวดีๆ มาขอเงินอย่างสุภาพ พนักงานจึงให้ความร่วมมือโดยไม่ต่อสู้

นี่เป็นตัวอย่างของการใช้ความเข้าใจในระบบทางสังคมเพื่อบิดเบือนให้เป็นประโยชน์ต่อตัวเอง

เสือชีตาห์และบทเรียนการเลี้ยงดู

Gladwell ใช้เรื่องของเสือชีตาห์สอนเราเรื่องการเลี้ยงดูเด็ก เสือชีตาห์เป็นสัตว์ที่เร็วที่สุดในโลก แต่กลับใกล้สูญพันธุ์

สาเหตุหนึ่งคือการที่มนุษย์พยายาม “ปกป้อง” พวกมันมากเกินไป จัดให้อยู่ในพื้นที่ปลอดภัย ไม่ให้เจออันตราย ผลคือพวกมันสูญเสียสัญชาตญาณการล่าและการเอาตัวรอดตามธรรมชาติ

นี่เป็นเปรียบเทียบกับการเลี้ยงดูเด็กในปัจจุบัน การปกป้องเด็กมากเกินไปอาจทำให้พวกเขาขาดทักษะที่จำเป็นในการเผชิญกับโลกจริง

การต่อสู้กับโควิด: บทเรียนที่ไม่เรียนรู้

เมื่อโควิดระบาด เรามีข้อมูลชัดเจนว่า “Superspreaders” มีบทบาทสำคัญในการแพร่เชื้อ แต่เราเลือกใช้วิธีการปิดล็อกดาวน์ทั้งประเทศแทนที่จะมุ่งเป้าไปที่กลุ่มเสี่ยงที่แท้จริง

Gladwell โต้แย้งว่าถ้าเราเข้าใจหลัก “Superspreaders” และมุ่งเป้าไปที่พวกเขาโดยเฉพาะ เราจะสามารถควบคุมการระบาดได้อย่างมีประสิทธิภาพมากกว่า โดยไม่ต้องส่งผลกระทบต่อสังคมทั้งหมด

เขาให้คำแนะนำว่า “ถ้าโควิดเกิดขึ้นอีกครั้ง งานแรกคือหาว่าใครเป็น superspreaders แล้วจำกัดการเปิดรับของพวกเขาด้วยวิธีที่สังคมยอมรับได้ ไม่ใช่จำกัดทุกคน”

อันตรายของการใช้ความรู้ในทางที่ผิด

สิ่งที่น่ากลัวที่สุดคือการที่แนวคิดเหล่านี้สามารถถูกนำไปใช้ในทางที่ผิดได้ บริษัท Purdue Pharma กับที่ปรึกษา McKinsey ใช้ความเข้าใจเรื่อง “การแพร่กระจายทางสังคม” เพื่อสร้างการติดยาเสพติดอย่างมีระบบ

พวกเขารู้ว่ารัฐไหนมีระบบกำกับดูแลหลวม รู้ว่าหมอคนไหนสั่งยาเยอะ รู้ว่าจะใช้ “Overstory” อะไรในการตลาด (เช่น “ปวดเป็นสัญญาณชีวิต 5” หรือ “คุณสมควรได้รับการรักษาที่ดี”)

ผลคือวิกฤตยาเสพติดที่คร่าชีวิตคนอเมริกันมากกว่า 80,000 คนในปี 2023 เพียงปีเดียว

บทเรียนสำหรับเรา

หนังสือ “Revenge of the Tipping Point” ไม่ได้มีเพื่อทำให้เราหวาดกลัว แต่เพื่อให้เราเข้าใจโลกรอบตัวดีขึ้น เมื่อเราเข้าใจว่า:

  • Overstories ควบคุมความคิดและการกระทำของเราอย่างไร
  • Superspreaders มีอิทธิพลมหาศาลต่อการเปลี่ยนแปลง
  • Magic Third สามารถสร้างจุดเปลี่ยนได้

เราจะสามารถมองเห็นแรงขับเคลื่อนที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ต่างๆ ได้ชัดเจนขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการเมืองในออฟฟิศ การเปลี่ยนแปลงทางสังคม หรือแม้แต่วิกฤตระดับโลก

สิ่งสำคัญคือเราต้องระวังไม่ให้ใครนำความรู้เหล่านี้ไปใช้ในการจัดการเราหรือสร้างความเสียหายต่อสังคม และในขณะเดียวกัน เราต้องเรียนรู้ที่จะใช้ความเข้าใจนี้เพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกให้กับโลก

โลกที่เปลี่ยนแปลงได้ด้วยการผลักเบาๆ

25 ปีหลังจากที่ Malcolm Gladwell บอกเราว่า “การเปลี่ยนแปลงเล็กๆ สามารถสร้างผลกระทบใหญ่ได้” วันนี้เขากลับมาเตือนเราว่า การผลักเล็กๆ เดียวกันนั้นสามารถทำลายเราได้เช่นกัน

แต่นี่ไม่ใช่เรื่องที่น่าหวาดกลัว เป็นเรื่องที่เราต้องเข้าใจ เมื่อเรารู้ว่าโลกทำงานอย่างไร เราจะสามารถเป็นส่วนหนึ่งของการเปลี่ยนแปลงเชิงบวก แทนที่จะเป็นเหยื่อของการจัดการทางสังคม

เพราะในที่สุดแล้ว คำพูดที่ว่า “คนที่รู้ว่าจะผลักที่ไหน เมื่อไหร่ จะมีอำนาจจริงๆ” นั้น ไม่จำเป็นต้องหมายถึงอำนาจที่ใช้ทำลาย มันอาจเป็นอำนาจที่ใช้สร้างสรรค์ก็ได้

ขึ้นอยู่กับว่าเราจะเลือกอย่างไร

#hrรีพอร์ต

Posted in

Leave a comment