ลองคิดดูสิ ทำไมบางประเทศเจริญรุ่งเรือง ประชาชนมีชีวิตความเป็นอยู่ดี ในขณะที่อีกหลายประเทศยังคงดิ้นรนอยู่ในความยากจน? นี่คือคำถามที่ดารอน อะเซโมกลู นักเศรษฐศาสตร์ชื่อดัง พยายามตอบในหนังสือ “Why Nations Fail” หรือ “ทำไมประเทศจึงล้มเหลว”
เรื่องราวที่เริ่มจากความสงสัย
หนังสือเล่มนี้เริ่มต้นด้วยเรื่องราวที่น่าสนใจ ในปี 1961 มีกำแพงเบอร์ลินที่แบ่งแยกเมืองเบอร์ลินออกเป็นสองส่วน ฝั่งตะวันตกที่ควบคุมโดยพันธมิตร และฝั่งตะวันออกที่อยู่ภายใต้การปกครองของโซเวียต คนเดียวกัน พื้นที่เดียวกัน แต่ชีวิตความเป็นอยู่ต่างกันราวฟ้ากับเหว
ฝั่งตะวันตกมีเสรีภาพ มีโอกาสทำงาน มีสินค้าบริโภคครบครัน ส่วนฝั่งตะวันออกขาดแคลน จำกัดเสรีภาพ และคนต้องแอบหนีไปฝั่งตะวันตก นี่คือจุดเริ่มต้นที่ทำให้ผู้เขียนตั้งคำถามว่า ทำไมถึงเป็นเช่นนี้?
ทฤษฎีเก่าๆ ที่ผิดพลาด
หลายคนเชื่อว่าประเทศรวยเพราะ “โชคดี” มีทรัพยากรธรรมชาติ หรือตั้งอยู่ในแถบภูมิอากาศดี บางคนก็ว่าเป็นเรื่องของวัฒนธรรมที่เหนือกว่า หรือความฉลาดของคนในชาติ
แต่อะเซโมกลูบอกว่า ทฤษฎีเหล่านี้ผิด! เพราะมีหลักฐานมากมายที่ขัดแย้ง
ลองดูประเทศในแอฟริกา หลายประเทศมีทรัพยากรธรรมชาติมหาศาล แต่กลับยากจน ขณะที่ประเทศอย่างญี่ปุ่นหรือสิงคโปร์ที่ไม่มีทรัพยากรมาก กลับเจริญรุ่งเรือง
หรือเรื่องภูมิอากาศ ประเทศเช่นอาร์เจนตินาและชิลี อยู่ในแถบอากาศดี แต่พัฒนาได้ไม่เท่าประเทศที่หนาวเหน็บอย่างฟินแลนด์หรือนอร์เวย์
คำตอบที่แท้จริง: เรื่องของ “สถาบัน”
อะเซโมกลูเสนอว่า คำตอบอยู่ที่ “สถาบัน” (Institutions) หรือก็คือระบบการปกครอง กฎหมาย และกติกาต่างๆ ของประเทศนั้น
เขาแบ่งสถาบันออกเป็น 2 แบบ:
1. สถาบันแบบเปิดกว้าง (Inclusive Institutions)
เป็นระบบที่เปิดโอกาสให้คนทุกคนเข้ามามีส่วนร่วม มีลักษณะดังนี้:
- ประชาชนมีสิทธิ์ในทรัพย์สิน คุณทำงานหาเงิน ก็เป็นเงินของคุณจริงๆ ไม่มีใครมาแย่งได้
- มีเสรีภาพในการทำธุรกิจ อยากเปิดร้านขายอะไร ทำได้ตามใจชอบ
- การศึกษาเท่าเทียม ไม่ว่าจะเกิดในครอบครัวไหน ก็มีโอกาสเรียนหนังสือได้
- รัฐบาลโปร่งใส ไม่คอร์รัปชั่น ทำงานเพื่อประชาชนจริงๆ
- มีการแข่งขันที่เป็นธรรม คนเก่งได้โอกาส ไม่ใช่แค่คนมีสายได้โอกาส
2. สถาบันแบบเอารัดเอาเปรียบ (Extractive Institutions)
เป็นระบบที่คนกลุ่มเล็กๆ ใช้อำนาจดูดเอาความมั่งคั่งจากคนส่วนใหญ่ มีลักษณะดังนี้:
- อำนาจรวมศูนย์ คนกลุ่มเดียวควบคุมทุกอย่าง
- ไม่มีสิทธิ์ในทรัพย์สิน ทำงานหนักแค่ไหน ก็ถูกเอาไปหมด
- โอกาสจำกัด เกิดในครอบครัวจน ก็จนไปตลอดชีวิต
- คอร์รัปชั่น เจ้าหน้าที่ทำงานเพื่อตัวเอง ไม่ใส่ใจประชาชน
ตัวอย่างจากชีวิตจริงที่เข้าใจง่าย
เกาหลีเหนือ vs เกาหลีใต้: เมื่อคนเดียวกันได้ระบบต่างกัน
นี่คือตัวอย่างที่ชัดที่สุด เดิมทีเกาหลีเป็นประเทศเดียว คนเดียวกัน วัฒนธรรมเดียวกัน แต่หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ถูกแบ่งแยกเป็นสองประเทศ
เกาหลีใต้ เลือกระบบเสรีประชาธิปไตย ให้ประชาชนมีสิทธิ์เสรีภาพ ส่งเสริมการศึกษาและนวัตกรรม วันนี้กลายเป็นประเทศที่ทันสมัย มีซัมซุง แอลจี เค-ป็อป และซีรีย์เกาหลีที่โลกรู้จัก
เกาหลีเหนือ เลือกระบบคอมมิวนิสต์แบบเผด็จการ อำนาจรวมอยู่ในมือผู้นำคนเดียว ประชาชนไม่มีเสรีภาพ ขาดแคลนอาหาร ไม่มีอินเทอร์เน็ต วันนี้ยังคงเป็นประเทศที่ยากจนและปิดกั้น
อังกฤษ vs สเปน: จุดเริ่มต้นที่ต่างกัน
ในศตวรรษที่ 15-16 ทั้งอังกฤษและสเปนเป็นมหาอำนาจที่ไปขยายอาณานิคมทั่วโลก แต่วิธีการต่างกัน
อังกฤษ ส่งคนไปตั้งถิ่นฐานใหม่ ให้มีสิทธิ์ในที่ดิน สามารถทำธุรกิจได้อย่างเสรี สร้างระบบการปกครองที่ประชาชนมีส่วนร่วม ผลคือ อเมริกา แคนาดา ออสเตรเลีย กลายเป็นประเทศที่เจริญ
สเปน มุ่งแต่จะเอาทองและเงินกลับไปสเปน ใช้แรงงานทาสเป็นหลัก ไม่สนใจพัฒนาดินแดนใหม่ ผลคือ ประเทศในอเมริกาใต้ส่วนใหญ่ยังคงมีปัญหาความยากจนและความเหลื่อมล้ำ
ซิมบับเว: เมื่อผู้นำดีกลายเป็นเผด็จการ
โรเบิร์ต มูกาเบ เดิมเป็นวีรบุรุษที่ต่อสู้เพื่อเอกราชจากอังกฤษ ตอนแรกซิมบับเวเจริญดี มีการเกษตรที่แข็งแกร่ง
แต่เมื่อมูกาเบอยู่ในอำนาจนานเกินไป เขาเริ่มใช้อำนาจผิดทาง ยึดที่ดินจากเกษตรกรผิวขาว แจกให้คนใกล้ชิด แต่คนเหล่านี้ไม่รู้จักทำการเกษตร ผลผลิตลดลงจนประเทศขาดแคลนอาหาร เงินเฟ้อสูงมาก เศรษฐกิจพัง
บอตสวานา: เพชรเม็ดเดียวในแอฟริกา
ในขณะที่หลายประเทศในแอฟริกายังคงยากจน บอตสวานากลับเป็นข้อยกเว้น ทั้งที่เป็นประเทศที่ไม่มีทางออกสู่ทะเล และเคยยากจนมาก
ความลับคือ ผู้นำของบอตสวานาตัดสินใจสร้างสถาบันที่ดี เมื่อพบเพชร พวกเขาไม่เอาไปใส่กระเป๋าตัวเอง แต่เอาไปสร้างโรงเรียน โรงพยาบาล และโครงสร้างพื้นฐาน วันนี้บอตสวานาเป็นหนึ่งในประเทศที่เจริญที่สุดในแอฟริกา
ทำไมสถาบันที่ดีถึงสำคัญ?
กระตุ้นให้คนทำงานหนัก
เมื่อรู้ว่าผลงานเป็นของตัวเอง ไม่มีใครมาแย่งได้ คนก็จะทำงานอย่างเต็มที่ เหมือนเกษตรกรที่มีที่ดินเป็นของตัวเอง จะดูแลดินดีกว่าเกษตรกรที่เช่าที่ดิน
ส่งเสริมนวัตกรรม
คนจะคิดค้นสิ่งใหม่ๆ เมื่อรู้ว่าจะได้รับผลตอบแทนจากการประดิษฐ์ ในประเทศที่มีกฎหมายลิขสิทธิ์ที่ดี นักประดิษฐ์จะมีแรงจูงใจสร้างสรรค์
ให้โอกาสคนเก่ง
ระบบที่ดีจะให้โอกาสคนที่มีความสามารถ ไม่ว่าจะเกิดในครอบครัวไหน ทำให้ประเทศได้ใช้ศักยภาพของคนอย่างเต็มที่
อุปสรรคในการเปลี่ยนแปลง
คนมีอำนาจไม่อยากเสียผลประโยชน์
คนที่อยู่บนยอดปิระมิดในระบบเอารัดเอาเปรียบจะไม่อยากเปลี่ยนแปลง เพราะจะเสียผลประโยชน์ พวกเขาจะทำทุกวิธีเพื่อรักษาอำนาจ
ความกลัวการสูญเสีย
แม้แต่คนธรรมดาบางครั้งก็กลัวการเปลี่ยนแปลง เพราะไม่รู้ว่าอนาคตจะเป็นยังไง เลยเลือกอยู่กับสิ่งที่คุ้นเคย แม้จะไม่ดีก็ตาม
วัฒนธรรมและความเชื่อ
บางสังคมเชื่อว่า คนเกิดมาต้องอยู่ในชั้นวรรณะของตัวเอง ไม่ควรเปลี่ยนแปลง ความเชื่อนี้ทำให้การสร้างสถาบันที่เปิดโอกาสเท่าเทียมเป็นเรื่องยาก
บทเรียนสำหรับไทย
หากเราดูประเทศไทย จะเห็นว่าเรามีทั้งจุดแข็งและจุดอ่อน
จุดแข็ง:
- มีเสรีภาพในการทำธุรกิจมากกว่าหลายประเทศ
- การศึกษาขยายตัวดีขึ้น คนจนสามารถเรียนหนังสือได้
- มีการแข่งขันทางเศรษฐกิจที่เป็นธรรมพอสมควร
จุดอ่อน:
- ปัญหาคอร์รัปชั่น ยังคงเป็นอุปสรรคใหญ่
- ความเหลื่อมล้ำระหว่างคนรวยและคนจน
- ระบบการเมืองที่ยังไม่เสถียร
ทางออกและความหวัง
หนังสือ “Why Nations Fail” ไม่ได้มาทำให้เราท้อแท้ แต่มาให้ความหวัง เพราะเราสามารถเปลี่ยนแปลงได้ ถึงแม้จะยาก
ขั้นตอนการเปลี่ยนแปลง:
- สร้างจิตสำนึก คนในสังคมต้องเข้าใจว่า ระบบที่ดีสำคัญยังไง
- เริ่มจากตัวเอง ไม่คอร์รัปชั่น ทำงานซื่อสัตย์ เคารพกฎหมาย
- เลือกผู้นำที่ดี ลงคะแนนให้คนที่มีวิสัยทัศน์และซื่อสัตย์
- เฝ้าระวัง คอยดูผู้นำว่าทำงานโปร่งใสหรือไม่
- สร้างสถาบันที่แข็งแกร่ง ระบบตรวจสอบถ่วงดุล ต้องทำงานจริง
สรุป
หนังสือ “Why Nations Fail” สอนเราว่า ความร่ำรวยของประเทศไม่ได้มาจากโชคชะตา ทรัพยากรธรรมชาติ หรือภูมิอากาศ แต่มาจากการมี “สถาบันที่ดี”
ประเทศที่ให้โอกาสคนทุกคนอย่างเท่าเทียม มีระบบที่โปร่งใส และส่งเสริมให้คนทำงานอย่างเต็มศักยภาพ จะเจริญรุ่งเรือง
ส่วนประเทศที่ให้คนกลุ่มเล็กๆ เอาเปรียบคนส่วนใหญ่ จะยากจนและล้าหลัง
การเปลี่ยนแปลงไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ก็ไม่ใช่เรื่องเป็นไปไม่ได้ เราทุกคนมีส่วนในการสร้างสถาบันที่ดี เพื่อให้ประเทศไทยเจริญก้าวหน้า และคนไทยทุกคนมีโอกาสใช้ชีวิตที่ดีขึ้น
ในท้ายที่สุด ความเจริญของประเทศขึ้นอยู่กับตัวเราทุกคน ไม่ใช่ขึ้นอยู่กับดวงดาว ทรัพยากร หรือความโชคดี แต่ขึ้นอยู่กับการที่เราจะร่วมมือกันสร้างระบบที่ดีและยุติธรรมสำหรับทุกคน
#hrรีพอร์ต
Leave a comment