เรื่องเล่าจากนักคณิตศาสตร์หนุ่มที่เปลี่ยนวิธีมองโลก

หากคุณเคยรู้สึกสับสนกับทฤษฎีทางจิตวิทยาที่ดูซับซ้อน หรือเคยอ่านหนังสือพัฒนาตนเองแล้วจำไม่ได้ว่าอ่านอะไรมา คุณไม่ได้เป็นคนเดียว Dolev Erez นักคณิตศาสตร์หนุ่มจากอิสราเอล ก็เคยมีปัยหาเดียวกัน จนกระทั่งเขาค้นพบสิ่งที่เปลี่ยนทุกอย่าง

“ทำไมเราต้องท่องจำทฤษฎีที่ยากจนปวดหัว ในขณะที่ภาพเดียวสามารถอธิบายได้ชัดเจนกว่า?” คำถามนี้นำพาเขาไปสู่การเขียนหนังสือ “The Art of Thinking in Graphs” ที่จะเปลี่ยนวิธีคิดของคุณไปตลอดกาล

เมื่อกราฟกลายเป็นกุรูสอนชีวิต

ลองนึกภาพว่าคุณกำลังเรียนคณิตศาสตร์ แต่แทนที่จะท่องสูตรที่น่าเบื่อ ครูของคุณใช้ภาพการ์ตูนและกราฟสวยงามมาอธิบาย ความรู้สึกนั้นคงไม่ต่างจากสิ่งที่ Erez ต้องการส่งมอบให้ผู้อ่าน

หนังสือเล่มนี้รวบรวม 52 หลักการสำคัญที่ส่งผลต่อการใช้ชีวิตของเราทุกวัน ตั้งแต่เรื่องง่ายๆ อย่างทำไมเราถึงผัดวันประกันพรุ่ง ไปจนถึงเรื่องซับซ้อนอย่างการตัดสินใจลงทุน แต่สิ่งที่พิเศษคือ Erez ไม่ได้บรรยายด้วยตัวอักษรหนาๆ เขาใช้กราฟที่ออกแบบมาอย่างสวยงามและเข้าใจง่าย

ตัวอย่างที่จับต้องได้: เมื่อความมั่นใจกลับกลายเป็นศัตรู

มาเริ่มด้วยเรื่องที่หลายคนเจอในชีวิตจริง คุณเคยสังเกตไหมว่า เมื่อเราเพิ่งเริ่มเรียนรู้อะไรใหม่ๆ เรามักจะรู้สึกมั่นใจมาก? แต่พอเรียนไปเรียนมา กลับเริ่มสงสัยตัวเองว่าเราจริงๆ แล้วรู้อะไรบ้าง?

นี่คือสิ่งที่เรียกว่า “Dunning-Kruger Effect” หรือ “ผลกระทบดันนิง-ครูเกอร์” ในหนังสือ Erez เขียนกราฟแสดงให้เห็นว่า ความมั่นใจของเราจะสูงมากตอนเริ่มต้น (เพราะเราไม่รู้ว่าเราไม่รู้) จากนั้นจะตกลงมาเมื่อเราเริ่มรู้ว่าเรายังรู้น้อย และค่อยๆ ขึ้นมาอีกครั้งเมื่อเราเชี่ยวชาญจริงๆ

ตัวอย่างง่ายๆ ตอนเราเพิ่งได้ใบขับขี่ เรารู้สึกว่าขับรถเก่งมาก แต่พอขับไปสักระยะ เราถึงรู้ว่าการขับรถมีเทคนิคอีกเยอะ และเราก็เริ่มระวังตัวมากขึ้น

เงินมากขึ้น = ความสุขมากขึ้น? คำตอบอาจทำให้คุณแปลกใจ

อีกหนึ่งแนวคิดที่น่าสนใจคือ “Happiness-Income Correlation” หรือความสัมพันธ์ระหว่างความสุขและรายได้ หลายคนคิดว่าเงินมากเท่าไหร่ก็จะสุขมากเท่านั้น แต่ความจริงแล้วไม่ใช่อย่างนั้น

กราฟในหนังสือแสดงให้เห็นว่า ความสุขจะเพิ่มขึ้นตามรายได้ในช่วงแรก แต่เมื่อถึงจุดหนึ่ง (ประมาณ 75,000 ดอลลาร์ต่อปีสำหรับคนอเมริกัน) ความสุขจะเพิ่มขึ้นช้าลงมาก

เหตุผลง่ายๆ คือ เมื่อเรามีเงินพอที่จะมีชีวิตที่สะดวกสบาย ไม่ต้องกังวลเรื่องค่าใช้จ่ายพื้นฐาน เงินเพิ่มเติมจะไม่ได้สร้างความสุขเพิ่มเท่าเดิม แต่สิ่งอื่นๆ เช่น เวลากับครอบครัว สุขภาพ หรือความสัมพันธ์ที่ดี กลับมีความสำคัญมากกว่า

กฎ 80/20 ที่เปลี่ยนชีวิตคนทั้งโลก

หนึ่งในหลักการที่มีชื่อเสียงที่สุดคือ “Pareto’s Law” หรือ “กฎ 80/20” กราหของ Erez อธิบายให้เห็นว่า 80% ของผลลัพธ์มาจาก 20% ของสาเหตุ

ตัวอย่างในชีวิตจริง:

  • 80% ของยอดขายมาจากลูกค้า 20%
  • 80% ของปัญหาซอฟต์แวร์มาจาก 20% ของโค้ด
  • 80% ของเวลาเราใส่เสื้อผ้าแค่ 20% ของเสื้อผ้าในตู้
  • 80% ของความสุขมาจากกิจกรรม 20% ที่เราทำ

การเข้าใจหลักการนี้จะช่วยให้เราใช้เวลาและพลังงานอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น แทนที่จะพยายามทำทุกอย่างให้สมบูรณ์แบบ เราควรโฟกัสที่ 20% ที่สำคัญที่สุด

เมื่อการสูญเสียทำร้ายใจมากกว่าการได้รับ

“Loss Aversion” หรือการหลีกเลี่ยงการสูญเสีย เป็นอีกหนึ่งแนวคิดที่ Erez อธิบายด้วยกราฟที่เข้าใจง่าย เราจะรู้สึกเจ็บปวดจากการสูญเสียมากกว่าความสุขจากการได้รับในปริมาณเดียวกัน

ตัวอย่างง่ายๆ ถ้าคุณเจอเงิน 50 บาทบนถนน คุณจะรู้สึกดีหน่อย แต่ถ้าคุณทำเงิน 50 บาทหล่น คุณจะรู้สึกแย่มากกว่าที่รู้สึกดีตอนเจอเงิน

นี่เป็นเหตุผลว่าทำไม:

  • เราถือหุ้นขาดทุนไว้นานเกินไป (ไม่อยากยอมรับการสูญเสีย)
  • เราไม่กล้าเปลี่ยนงานแม้จะไม่มีความสุข (กลัวสูญเสียสิ่งที่มีอยู่)
  • เราไม่กล้าลงทุนแม้จะรู้ว่าน่าจะคุ้ม (กลัวสูญเสียเงินที่มี)

การเข้าใจเรื่องนี้จะช่วยให้เราตัดสินใจได้ดีขึ้น โดยพิจารณาโอกาสแทนที่จะติดอยู่กับความกลัวการสูญเสีย

เครียดหน่อยดีไหม? คำตอบคือใช่!

“Yerkes-Dodson Law” เป็นหลักการที่แสดงให้เห็นความสัมพันธ์ระหว่างความเครียดและประสิทธิภาพการทำงาน กราฟมีลักษณะคล้ายภูเขา แสดงว่าความเครียดเล็กน้อยช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ แต่ถ้าเครียดมากเกินไป ประสิทธิภาพจะลดลง

ในชีวิตจริง เราต้องการแรงกดดันเล็กน้อยเพื่อให้มีแรงจูงใจทำงาน แต่ถ้าแรงกดดันมากเกินไป เราจะทำงานได้ไม่ดี คิดไม่ออก หรือทำผิดพลาดบ่อย

นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมงานที่มี deadline เหมาะสมจะทำให้เราทำงานได้ดี แต่ถ้า deadline เร่งด่วนเกินไป เราจะพังแตก

งานค้างคา = ความเครียดค้างใจ

“Zeigarnik Effect” อธิบายว่าทำไมงานที่ยังไม่เสร็จจะวนเวียนอยู่ในหัวเราตลอดเวลา เมื่อเราเริ่มทำงานอะไร สมองจะจดจำมันไว้ และจะปล่อยมันไปต่อเมื่อเราทำเสร็จ

นี่เป็นเหตุผลว่าทำไม:

  • เราคิดถึงอีเมลที่ยังไม่ได้ตอบตลอดเวลา
  • เราไม่สามารถผ่อนคลายได้ถ้ามีงานค้างคา
  • เราจำซีเรียลที่ดูไม่จบได้ดีกว่าซีเรียลที่ดูจบแล้ว

Erez แนะนำเทคนิค “2-Minute Rule” คือถ้างานไหนทำได้ภายใน 2 นาที ให้ทำเลย อย่าเก็บไว้ เพราะการผัดวันประกันพรุ่งจะสร้างความเครียดให้เรามากกว่าการทำให้เสร็จไป

ทำไมเราต้องการหนังสือเล่มนี้?

ในยุคที่ข้อมูลมีมากมายจนท่วมหัว เราต้องการเครื่องมือที่จะช่วยให้เราเข้าใจโลกรอบตัวได้ดีขึ้น หนังสือ “The Art of Thinking in Graphs” ไม่ได้แค่รวบรวมทฤษฎี แต่เป็นการแปลงทฤษฎีเหล่านั้นให้กลายเป็นเครื่องมือที่ใช้ได้จริงในชีวิตประจำวัน

สิ่งที่ทำให้หนังสือเล่มนี้พิเศษ:

1. เข้าใจง่าย จำได้นาน แทนที่จะอ่านคำอธิบายยาวๆ เราได้เห็นภาพที่อธิบายได้ชัดเจนกว่า เหมือนได้ดู “infographic” ของชีวิต

2. ใช้ได้จริง แต่ละหลักการมาพร้อมตัวอย่างในชีวิตจริง ทำให้เราสามารถนำไปปรับใช้ได้ทันที

3. ครบครัน 52 หลักการครอบคลุมทุกด้านของชีวิต ตั้งแต่การทำงาน การเงิน ความสัมพันธ์ ไปจนถึงการพัฒนาตนเอง

4. อ่านง่าย แต่ละบทสั้นๆ อ่านได้ระหว่างรอรถไฟฟ้า หรือพักเที่ยง ไม่ต้องใช้เวลานานจนเบื่อ

บทเรียนสำหรับคนยุคใหม่

สิ่งที่ Erez ต้องการสื่อคือการเปลี่ยนวิธีคิด จาก “ท่องจำทฤษฎี” เป็น “เข้าใจแบบแผน” เขาเชื่อว่าถ้าเราเห็นภาพรวมของสิ่งต่างๆ เราจะสามารถนำไปใช้ได้ดีกว่าการท่องจำแบบไม่เข้าใจ

เปรียบเทียบได้กับการเรียนขับรถ เราไม่ได้ท่องจำว่า “เหยียบคลัทช์ครึ่งหนึ่ง แล้วค่อยๆ ปล่อย” แต่เราเข้าใจว่าเครื่องยนต์ทำงานอย่างไร แล้วใช้สัมผัสและประสบการณ์ในการขับ

การอ่านที่เปลี่ยนชีวิต

หลายคนที่อ่านหนังสือเล่มนี้บอกว่า มันเปลี่ยนวิธีมองหลายสิ่งหลายอย่าง:

  • เข้าใจว่าทำไมเราถึงตัดสินใจผิดพลาดบ่อยๆ
  • รู้จักการจัดการเวลาให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
  • เข้าใจพฤติกรรมของตัวเองและคนรอบข้างดีขึ้น
  • สามารถวางแผนและตั้งเป้าหมายที่สมจริงมากขึ้น

สิ่งที่น่าสนใจคือ หนังสือเล่มนี้ไม่ได้สอนแค่เทคนิค แต่สอน “วิธีคิด” ที่จะช่วยให้เราประยุกต์ใช้กับสถานการณ์ใหม่ๆ ได้

คำแนะนำการอ่าน

Erez แนะนำให้อ่านหนังสือเล่มนี้อย่างช้าๆ ทีละบท และให้เวลาตัวเองคิดตาม อ่านซ้ำเมื่อไหร่ก็ได้ใหม่ เพราะการเห็นกราฟซ้ำๆ จะช่วยให้เราจำและเข้าใจลึกขึ้น

การอ่านแบบนี้เหมือนการสะสมเครื่องมือคิด แต่ละครั้งที่เราเจอสถานการณ์ในชีวิตจริง เราจะนึกถึงกราฟเหล่านี้ และใช้เป็นแนวทางในการตัดสินใจ

เมื่อกราฟกลายเป็นภาษาแห่งความเข้าใจ

“The Art of Thinking in Graphs” ไม่ได้เป็นแค่หนังสือ แต่เป็นการปฏิวัติวิธีการเรียนรู้ มันแสดงให้เห็นว่าความรู้ที่ซับซ้อนสามารถถ่ายทอดได้ด้วยวิธีที่เข้าใจง่าย และที่สำคัญคือ ใช้ได้จริงในชีวิตประจำวัน

หากคุณเป็นคนที่ชอบเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ต้องการเข้าใจตัวเองมากขึ้น หรือกำลังมองหาเครื่องมือที่จะช่วยให้ตัดสินใจได้ดีขึ้น หนังสือเล่มนี้อาจจะเป็นสิ่งที่คุณกำลังมองหา

เพราะในที่สุด การมีชีวิตที่ดีไม่ได้มาจากการท่องจำกฎเกณฑ์ แต่มาจากการเข้าใจแบบแผนของชีวิต และสามารถใช้ความเข้าใจนั้นในการสร้างสรรค์อนาคตที่ดีกว่าสำหรับตัวเราเอง

ท้ายที่สุด แล้ว หนังสือเล่มนี้คือเครื่องเตือนใจว่า บางครั้งสิ่งที่ดูซับซ้อนที่สุด กลับสามารถอธิบายได้ด้วยภาพง่ายๆ เพียงภาพเดียว และภาพเดียวนั้น อาจเปลี่ยนวิธีมองโลกของเราไปตลอดกาล

#hrรีพอร์ต

Posted in

Leave a comment