คุณเคยรู้สึกหงุดหงิดเมื่อต้องเผชิญกับความขัดแย้งไหม? ไม่ว่าจะเป็นการทะเลาะกับคนรัก การไม่เห็นด้วยกับเพื่อนร่วมงาน หรือแม้แต่การเถียงกันในครอบครัว หลายครั้งเราอาจรู้สึกว่าปัญหาบางอย่างนั้น “เป็นไปไม่ได้” ที่จะแก้ไข
แต่ William Ury ผู้เชี่ยวชาญด้านการเจรจาต่อรองระดับโลก กลับมองเห็นเรื่องนี้ในแง่ตรงกันข้าม ในหนังสือ “Possible: How We Survive (and Thrive) in an Age of Conflict” เขาบอกเราว่า ความขัดแย้งไม่ใช่สิ่งที่ต้องหลีกเลี่ยง แต่เป็นโอกาสทองคำที่รอให้เราเปลี่ยนมันให้กลายเป็นสิ่งดีๆ
ชายผู้เปลี่ยนความขัดแย้งเป็นสันติภาพ
William Ury ไม่ใช่คนธรรมดา เขาคือผู้ร่วมก่อตั้งโปรแกรมการเจรจาต่อรองที่มหาวิทยาลัย Harvard และเป็นผู้เขียนหนังสือ “Getting to Yes” ที่ขายดีที่สุดในโลกเรื่องการเจรจา นานกว่า 45 ปีที่ผ่านมา เขาได้เดินทางไปทั่วโลกเพื่อช่วยแก้ไขความขัดแย้งที่ใหญ่หลวงที่สุด
จินตนาการดูสิ คุณจะรู้สึกอย่างไรถ้าต้องนั่งอยู่ในห้องประชุมเดียวกันกับผู้นำที่เกลียดชังกันมาหลายทศวรรษ? หรือต้องไกล่เกลี่ยระหว่างรัฐบาลกับกลุ่มกบฏที่สู้รบกันมานานหลายปี? นั่นคือสิ่งที่ Ury ทำเป็นประจำ
เขาเล่าเรื่องหนึ่งที่น่าประทับใจ เมื่อเขาไปช่วยไกล่เกลี่ยสงครามกลางเมืองในโคลอมเบียที่ยืดเยื้อมากว่า 50 ปี ระหว่างรัฐบาลกับกลุ่มกบฏ FARC ตอนแรกทุกฝ่ายดูเหมือนจะไม่มีทางไปด้วยกันได้เลย แต่ด้วยความอดทนและวิธีการพิเศษของ Ury ในที่สุดกลุ่มกบฏก็วางอาวุธลง ประธานาธิบดี Santos ได้รับรางวัลโนเบลสันติภาพ และสงครามที่ยาวนานที่สุดในทวีปอเมริกาก็จบลง
เรื่องราวของปู่ Eddie: บทเรียนแห่งความเป็นไปได้
หนังสือเล่มนี้เริ่มต้นด้วยเรื่องราวของปู่ของ Ury ชื่อ Eddie เมื่อปี 1906 ตอนที่ Eddie อายุเพียง 13 ปี เขาต้องหนีจากวอร์ซอในจักรวรรดิรัสเซียมาอเมริกาคนเดียว เพื่อหนีการกดขี่และหาชีวิตใหม่
Eddie เริ่มต้นจากการเป็นคนเช็ดหน้าต่าง แต่เขาไม่ยอมแพ้ เขามองเห็นโอกาสในทุกสิ่งที่เขาทำ ในที่สุดเขากลายเป็นนักประดิษฐ์ที่ทำงานให้กับบริษัทเหล็กใหญ่ๆ สิ่งที่ Eddie สอนให้ Ury เห็นคือ “ในทุกอุปสรรค มีโอกาสซ่อนอยู่เสมอ”
นี่คือจุดเริ่มต้นของแนวคิด “Possibilist” หรือ “นักคิดแง่เป็นไปได้” คนประเภทนี้ไม่ใช่แค่คนคิดบวก (Optimist) หรือคนคิดลบ (Pessimist) แต่เป็นคนที่มองเห็นความเป็นไปได้ในสถานการณ์ที่ดูเหมือนจะเป็นไปไม่ได้
เส้นทางสู่ความเป็นไปได้: 3 ขั้นตอนสำคัญ
เมื่อเพื่อนคนหนึ่งของ Ury ท้าทายให้เขาสรุปประสบการณ์การแก้ไขความขัดแย้งกว่า 45 ปีในประโยคเดียว เขาใช้เวลานานในการคิด และในที่สุดก็ได้คำตอบ:
“เส้นทางสู่ความเป็นไปได้คือ ขึ้นไปยังระเบียง สร้างสะพานทอง และเกี่ยวข้องกับฝ่ายที่สาม”
ขั้นตอนที่ 1: ขึ้นไปยังระเบียง (Go to the Balcony)
ลองจินตนาการว่าคุณอยู่ในสถานการณ์ที่โกรธมาก สมองร้อน อยากจะโต้เถียงกับอีกฝ่าย สิ่งแรกที่ Ury แนะนำคือ “หยุด” และ “ขึ้นไปยังระเบียง”
ระเบียงที่ว่านี้ไม่ใช่ระเบียงจริงๆ แต่เป็นสภาวะจิตใจที่เราถอยออกมาดูภาพรวม เหมือนกับการขึ้นไปยังระเบียงของอาคารสูงๆ แล้วมองลงมาดูสถานการณ์จากด้านบน
เขายกตัวอย่างจากประสบการณ์ตัวเองเมื่อต้องเจรจากับผู้นำที่ดื้อรั้นและก้าวร้าว แทนที่จะโต้ตอบด้วยอารมณ์ เขาจะหาวิธีสงบใจก่อน อาจจะหายใจลึกๆ ลุกขึ้นเดินไปดื่มน้ำ หรือแค่นับเลข 1 ถึง 10
“การเจรจาคืองานจากภายใน” Ury กล่าว “เราจะมีอิทธิพลต่ออีกฝ่ายได้มากแค่ไหน ขึ้นอยู่กับว่าเราควบคุมตัวเองได้มากแค่ไหน”
ขั้นตอนที่ 2: สร้างสะพานทอง (Build a Golden Bridge)
เมื่อเราสงบใจแล้ว ขั้นตอนต่อไปคือการสร้าง “สะพานทอง” เพื่อข้ามช่องว่างระหว่างเรากับอีกฝ่าย
ช่องว่างนี้เต็มไปด้วยความกลัว ความโกรธ ความไม่ไว้ใจ และความต้องการที่ไม่ได้รับการตอบสนอง งานของเราคือสร้างสะพานที่ “ดึงดูด” ไม่ใช่ “ผลักดัน”
Ury เล่าเรื่องที่น่าสนใจเกี่ยวกับการเจรจาในเวเนซุเอลา เมื่อประเทศนั้นเกิดความวุ่นวายทางการเมือง เขาได้นำเสนอแนวคิดให้ประธานาธิบดี Hugo Chávez ประกาศ “คริสต์มาสแห่งสันติภาพ” เพื่อให้ทุกฝ่ายหยุดการประท้วงและใช้เวลาช่วงเทศกาลกับครอบครัว
แนวคิดนี้ไม่ได้แก้ปัญหาขัดแย้งพื้นฐาน แต่มันสร้าง “ทางออกที่น่าสนใจ” ให้ทุกฝ่ายได้หน้า และเปิดโอกาสให้พูดคุยกันต่อไปในบรรยากาศที่ดีขึ้น
การสร้างสะพานทองมี 3 องค์ประกอบสำคัญ:
1. การฟัง (Listening): ไม่ใช่แค่ฟังคำพูด แต่ฟังความรู้สึก ความต้องการ และความกลัวที่แอบซ่อนอยู่
2. การสร้างสรรค์ (Creating): หาทางออกใหม่ๆ ที่ทุกฝ่ายได้ประโยชน์ ไม่ใช่การแบ่งชิ้นเค้กให้กัน แต่เป็นการทำเค้กใหม่ที่ใหญ่กว่าเดิม
3. การดึงดูด (Attracting): ทำให้ข้อเสนอของเราน่าสนใจ แทนการบังคับหรือข่มขู่
ขั้นตอนที่ 3: เกี่ยวข้องกับฝ่ายที่สาม (Engage the Third Side)
ข้อผิดพลาดที่คนเรามักทำเมื่อเกิดความขัดแย้งคือ มองว่ามีแค่ 2 ฝ่าย: “เรา” กับ “พวกเขา” แต่ Ury บอกว่า ในความขัดแย้งทุกเรื่อง มี “ฝ่ายที่สาม” เสมอ
ฝ่ายที่สามคือคนรอบข้างเรา: ครอบครัว เพื่อน เพื่อนร่วมงาน เพื่อนบ้าน และชุมชน พวกเขาสามารถช่วยให้ทุกฝ่าย “ขึ้นไปยังระเบียง” และ “สร้างสะพานทอง” ได้
ในกรณีของโคลอมเบีย Ury และทีมไม่ได้ทำงานแค่กับรัฐบาลและกลุ่มกบฏเท่านั้น แต่ยังต้องไปชักจูงผู้นำระดับภูมิภาคอย่าง Fidel Castro และ Hugo Chávez ให้สนับสนุนกระบวนการสันติภาพ รวมทั้งสร้างการยอมรับจากนักธุรกิจ ทหาร และประชาชนในประเทศด้วย
“เมื่อมีความขัดแย้งที่ยากลำบาก เราต้องการการแทรกแซงจากชุมชน” Ury อธิบาย “เหมือนกับการรุมกันแก้ปัญหา เมื่อมีคนจำนวนมากพอมาช่วยกัน มันจะสร้างพลังในการหาทางออกได้”
ตัวอย่างในชีวิตประจำวัน
คุณอาจคิดว่าเรื่องเหล่านี้ใหญ่โตเกินไป ไม่เกี่ยวกับชีวิตคนธรรมดาอย่างเรา แต่จริงๆ แล้ว หลักการเดียวกันนี้ใช้ได้กับทุกสถานการณ์
ในครอบครัว: เมื่อลูกวัยรุ่นไม่ยอมทำการบ้าน แทนที่จะโวยวาย (ซึ่งเป็นการ “ผลักดัน”) ลองใช้วิธี “ดึงดูด” แทน เช่น เข้าใจว่าทำไมเขาไม่อยากทำ แล้วหาวิธีทำให้การเรียนน่าสนใจกว่าเดิม
ในที่ทำงาน: เมื่อเพื่อนร่วมงานไม่ร่วมมือในโปรเจกต์ ลอง “ขึ้นไปยังระเบียง” ก่อนโดยถามตัวเองว่า “ทำไมเขาถึงทำแบบนี้?” อาจจะพบว่าเขามีภาระงานมากเกินไป หรือไม่เข้าใจวัตถุประสงค์ของโปรเจกต์
ในชุมชน: เมื่อเพื่อนบ้านขัดแย้งกันเรื่องเสียงดัง แทนที่จะไปร้องเรียนตำรวจ (การใช้ “อำนาจ”) ลองหา “ฝ่ายที่สาม” เช่น ผู้ใหญ่บ้าน หรือเพื่อนบ้านคนอื่นมาช่วยไกล่เกลี่ย
นักคิดแง่เป็นไปได้ vs คนอื่นๆ
Ury อธิบายความแตกต่างระหว่างมุมมองต่างๆ อย่างน่าสนใจ:
คนคิดบวก (Optimist) จะบอกว่า “ทุกอย่างจะดีขึ้น” คนคิดลบ (Pessimist) จะบอกว่า “ทุกอย่างจะแย่ลง” นักคิดแง่เป็นไปได้ (Possibilist) จะบอกว่า “เราสามารถทำให้มันดีขึ้นได้”
ความแตกต่างที่สำคัญคือ นักคิดแง่เป็นไปได้ไม่ได้หวังพึ่งโชคชะตา แต่เชื่อในพลังของการกระทำ พวกเขาเห็นทุกปัญหาเป็นโอกาสที่จะเรียนรู้และสร้างสิ่งใหม่
บทเรียนสำคัญ: มันไม่ใช่เรื่องของวิธีการ แต่เป็นเรื่องของทัศนคติ
สิ่งที่น่าสนใจเกี่ยวกับหนังสือ “Possible” คือ Ury บอกเลยว่า มันไม่ใช่คู่มือขั้นตอน มันไม่ได้บอกให้เราทำตาม 1-2-3 แล้วจะสำเร็จ
แต่มันเป็นเรื่องของการเปลี่ยน “ทัศนคติ” ในการมองความขัดแย้ง แทนที่จะมองว่าความขัดแย้งเป็นสิ่งที่ต้องหลีกเลี่ยง เราต้องเรียนรู้ที่จะมองมันเป็นโอกาสในการสร้างสิ่งดีๆ
Ury เล่าว่าเขาได้เห็นสิ่งที่เลวร้ายที่สุดของมนุษย์ แต่เขาก็เห็นความขัดแย้งนำพาสิ่งที่ดีที่สุดออกมาจากเราได้เช่นกัน เขาเชื่อว่าเรายังไม่ได้ใช้ศักยภาพของเราเต็มที่ในการจัดการกับความขัดแย้งอย่างสร้างสรรค์
การปฏิบัติในชีวิตจริง
หนังสือเล่มนี้เต็มไปด้วยเรื่องราวจริงที่แสดงให้เห็นว่าหลักการเหล่านี้ใช้ได้จริง เช่น:
เรื่องของ Nelson Mandela: เขาไม่ได้แค่ต่อสู้เพื่อเสรีภาพของคนผิวดำ แต่เขาสร้าง “สะพานทอง” โดยบอกคนผิวขาวว่าเขาต่อสู้เพื่อเสรีภาพของทุกคนด้วย เขาทำให้การยุติการแบ่งแยกสีผิวกลายเป็นผลดีสำหรับทุกฝ่าย
เรื่องของ Cuban Missile Crisis: ในช่วงวิกฤตขีปนาวุธคิวบา สหรัฐฯ และสหภาพโซเวียตเกือบจะทำสงครามนิวเคลียร์ แต่ผู้นำทั้งสองฝ่ายใช้หลักการ “ขึ้นไปยังระเบียง” โดยถอยออกมาคิดใหม่ และ “สร้างสะพานทอง” โดยหาทางออกที่ทุกฝ่ายรักษาหน้าได้
ความหวังในยุคแห่งความขัดแย้ง
ปัจจุบันเราอยู่ในยุคที่ความขัดแย้งดูเหมือนจะเพิ่มขึ้นทุกหนทุกแห่ง ตั้งแต่ครอบครัว ที่ทำงาน ไปจนถึงระดับประเทศ สื่อสังคมออนไลน์ทำให้เราแบ่งแยกกันมากขึ้น ข่าวปลอมทำให้เราไม่ไว้ใจกัน
แต่ Ury มองว่านี่เป็นโอกาสมากกว่าที่จะเป็นวิกฤต เขาเชื่อว่าถ้าเราเรียนรู้ที่จะแปลงความขัดแย้งให้เป็นโอกาส เราจะสามารถสร้างโลกที่ดีกว่าเดิมได้
“ถ้าไม่ใช่เรา แล้วจะเป็นใคร? ถ้าไม่ใช่ตอนนี้ แล้วจะเป็นเมื่อไหร่?” Ury ถาม
ข้อคิด
หนังสือ “Possible” ไม่ได้แค่สอนเทคนิคการเจรจา แต่เป็นการเปิดมุมมองใหม่ให้เรามองโลกในแง่ที่สร้างสรรค์กว่า
ความขัดแย้งเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต เราไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ แต่เราเลือกได้ว่าจะจัดการกับมันอย่างไร
ครั้งหน้าเมื่อคุณเผชิญกับความขัดแย้ง ลองถามตัวเองว่า:
- ฉันจะ “ขึ้นไปยังระเบียง” ได้อย่างไร?
- ฉันจะสร้าง “สะพานทอง” ที่ดึงดูดทุกฝ่ายได้อย่างไร?
- ใครเป็น “ฝ่ายที่สาม” ที่อาจจะช่วยได้?
Ury เชื่อว่าทุกคนสามารถเป็น “นักคิดแง่เป็นไปได้” ได้ เพราะเราเกิดมาเป็นแบบนั้นอยู่แล้ว ดูเด็กๆ สิ พวกเขามองเห็นโอกาสในทุกสิ่ง เล่นได้กับทุกอย่าง และไม่เคยคิดว่าอะไร “เป็นไปไม่ได้”
บางทีสิ่งที่เราต้องทำคือ กลับไปเป็นเด็กอีกครั้ง และเชื่อว่าโลกนี้เต็มไปด้วยความเป็นไปได้ที่รอให้เราค้นพบ
หนังสือ “Possible” เป็นมากกว่าคู่มือการเจรจา มันเป็นแรงบันดาลใจที่บอกเราว่า ไม่ว่าปัญหาจะดูยากเย็นแค่ไหน ถ้าเรามีทัศนคติที่ถูกต้องและเครื่องมือที่เหมาะสม เราก็สามารถเปลี่ยนความเป็นไปไม่ได้ให้เป็นความเป็นไปได้ได้เสมอ
#hrรีพอร์ต
Leave a comment