เมื่อ David Novak อดีต CEO ของ Yum! Brands (บริษัทใหญ่ที่เป็นเจ้าของ KFC, Pizza Hut, และ Taco Bell) เมื่อเขาเกษียณอายุ เขาเริ่มสงสัยในคำถามเดียว: “ทำไมผู้นำบางคนถึงประสบความสำเร็จอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่บางคนกลับหยุดนิ่ง?”
ด้วยความอยากรู้นี้ เขาจึงออกเดินทางไปสัมภาษณ์ผู้นำระดับโลกมากกว่า 100 คน ตั้งแต่ CEO ของบริษัทใหญ่ๆ ไปจนถึงนักกีฬาโอลิมปิก และสิ่งที่เขาค้นพบนั้นน่าทึ่งมาก
เรื่องเล่าจากห้องประชุมสุดหรู
ในห้องประชุมชั้น 40 ของตึกแห่งหนึ่งในนิวยอร์ก Novak นั่งตรงข้ามกับ Reed Hastings ผู้ก่อตั้ง Netflix คนที่เปลี่ยนวิธีการดูหนังของโลกใบนี้ไปตลอดกาล
“คุณรู้มั้ย” Hastings เล่าด้วยรอยยิ้ม “บริษัทแรกของผมล้มเหลวอย่างสิ้นเชิง ผมขาดทุนหลายล้าน แต่มันกลับเป็นสิ่งที่ดีที่สุดที่เกิดขึ้นกับผม”
เมื่อ Novak ถามว่าทำไม Hastings ตอบว่า “เพราะผมได้เรียนรู้ว่าการบริหารคนและเทคโนโลยีมันยากขนาดไหน ความล้มเหลวครั้งนั้นสอนผมมากกว่าปริญญา MBA ที่ผมเคยเรียนมา”
นี่คือจุดเริ่มต้นของการค้นพบที่สำคัญ: ผู้นำที่ประสบความสำเร็จไม่ได้เก่งเพราะเขาไม่เคยผิดพลาด แต่เขาเก่งเพราะเขารู้วิธีเรียนรู้จากทุกสิ่งที่เกิดขึ้น
บทเรียนจากสาวน้อยที่กลายเป็นราชินีสื่อ
เรื่องราวอีกเรื่องที่น่าสนใจมาจาก Oprah Winfrey หญิงที่มาจากครอบครัวยากจนแต่กลายเป็นหนึ่งในคนมีอิทธิพลที่สุดในโลก
“คนมักถามผมว่า Oprah เก่งขนาดนี้ เธอยังต้องเรียนรู้อะไรอีกมั้ย?” Novak เล่า “แต่พอผมได้คุยกับเธอ ผมถึงกับตกใจ เธอบอกว่า ‘ฉันยังคงเป็นนักเรียน’ เธอยังคงอ่านหนังสือ เข้าคอร์ส และถามคำถามเหมือนเด็กอายุ 5 ขวบที่เพิ่งรู้จักโลก”
นี่คือความลับข้อแรก: ผู้นำที่ยิ่งใหญ่ไม่เคยคิดว่าตัวเองเก่งพอแล้ว พวกเขามี “ใจเด็ก” ที่อยากรู้อยากเห็นอยู่เสมอ
เมื่อ Bill Gates ยอมรับว่าไม่รู้
เรื่องที่ทำให้ Novak ประทับใจมากที่สุดคือเมื่อเขาได้สัมภาษณ์ Bill Gates คนที่เคยเป็นมหาเศรษฐีอันดับ 1 ของโลก
“ผมคิดว่า Bill จะเล่าเรื่องความสำเร็จของ Microsoft” Novak เล่า “แต่แทนที่จะเป็นแบบนั้น เขากลับเล่าเรื่องที่เขาไม่รู้ เขาบอกว่า ‘ผมอ่านหนังสือปีละ 50 เล่ม เพราะผมยังมีอีกเยอะมากที่ไม่รู้’”
Gates เล่าให้ฟังว่าเขามีนิสัยอ่านหนังสือทุกคืนก่อนนอน ไม่ว่าจะเหนื่อยแค่ไหน และที่สำคัญ เขาไม่ได้อ่านแค่เรื่องคอมพิวเตอร์ แต่อ่านทุกอย่าง ตั้งแต่ประวัติศาสตร์ ชีววิทยา ไปจนถึงปรัชญา
“สิ่งที่ผมเรียนรู้จากการสร้าง Microsoft” Gates บอก “คือเทคโนโลยีเปลี่ยนเร็วมาก แต่ถ้าผมเข้าใจคนและสังคม ผมจะสามารถคาดเดาได้ว่าเทคโนโลยีจะไปทางไหน”
ครูที่ดีที่สุดคือความล้มเหลว
เรื่องราวที่สะเทือนใจที่สุดมาจาก Reid Hoffman ผู้ก่อตั้ง LinkedIn เมื่อเขาเล่าถึงช่วงเวลาที่เขาเกือบจะล้มละลาย
“ปี 2003 LinkedIn เกือบตาย” Hoffman เล่า “เรามีเงินเหลือแค่ 3 เดือน ไม่มีใครสนใจเว็บไซต์เรา ผมนอนไม่หลับหลายคืน”
แต่แทนที่จะยอมแพ้ Hoffman ทำสิ่งที่ไม่ธรรมดา เขาเขียนลงในสมุดบันทึกทุกวันว่า “วันนี้ล้มเหลวเรื่องอะไร และเรียนรู้อะไรบ้าง”
“ผมพบว่าปัญหาใหญ่ที่สุดของเราคือเราไม่รู้ว่าลูกค้าต้องการอะไร” เขาเล่าต่อ “เราคิดว่าคนจะมาหาเพื่อนเก่า แต่จริงๆ แล้วคนต้องการหางาน”
การค้นพบนี้เปลี่ยน LinkedIn ไปตลอดกาล และทำให้บริษัทกลายเป็นมหากาพย์มูลค่าหลายหมื่นล้านดอลลาร์
บทเรียนสำคัญ: ความล้มเหลวไม่ใช่ศัตรู แต่เป็นครูที่ดีที่สุด ถ้าเราพร้อมจะเรียนรู้
เคล็ดลับของ Warren Buffett
หนึ่งในเรื่องราวที่น่าสนใจที่สุดคือการเรียนรู้ของ Warren Buffett นักลงทุนตำนานที่ยังคงทำกำไรได้อย่างต่อเนื่องในวัย 90 กว่าปี
“คุณคิดว่าคน 90 ปีจะเรียนรู้อะไรใหม่อีก?” Novak ถาม
“ผมได้คำตอบที่ไม่คาดคิด” เขาเล่า “Buffett บอกว่าเขายังมีที่ปรึกษาหนุ่มๆ วัย 25 ปี มาสอนเขาเรื่องเทคโนโลยีใหม่ๆ”
นี่คือสิ่งที่เรียกว่า “Reverse Mentoring” การที่ผู้นำอาวุโสเรียนรู้จากคนรุ่นใหม่
“ผมไม่เข้าใจเรื่องสื่อสังคมออนไลน์” Buffett ยอมรับ “แต่ผมรู้ว่ามันสำคัญ เพราะฉะนั้นผมต้องหาคนที่เข้าใจมาสอนผม”
วิธีการเรียนรู้ 6 แบบของผู้นำ
จากการสัมภาษณ์ผู้นำทั้งหมด Novak พบว่าพวกเขาใช้วิธีการเรียนรู้ 6 แบบ:
1. เรียนรู้จากประสบการณ์ตัวเอง
ตัวอย่างจริง: หลังจากการประชุมสำคัญทุกครั้ง Jeff Bezos จะนั่งเขียนบันทึก 3 คำถาม:
- อะไรที่เราตั้งใจจะทำ?
- อะไรที่เกิดขึ้นจริง?
- ครั้งหน้าจะทำอย่างไรให้ดีขึ้น?
2. เรียนรู้จากคนอื่น
ตัวอย่าง: Elon Musk ไม่เคยเรียนวิศวกรรมจรวด แต่เขาไปหาวิศวกรจรวดที่ NASA และถามคำถามเป็นพันข้อ จนสามารถสร้าง SpaceX ได้
3. เรียนรู้จากความล้มเหลว
ตัวอย่าง: Steve Jobs เคยถูกไล่ออกจาก Apple บริษัทที่เขาสร้างขึ้นเอง แต่เขาเอาประสบการณ์นั้นมาสร้าง Pixar และกลับมาทำให้ Apple เป็นบริษัทที่มีมูลค่าสูงสุดในโลก
4. เรียนรู้จากหนังสือ
ตัวอย่าง: ทุกปี Bill Gates จะไปพักผ่อน 1 สัปดาห์ที่เขาเรียกว่า “Think Week” โดยไม่ทำอะไรเลยนอกจากอ่านหนังสือและคิด
5. เรียนรู้ผ่านการสอน
ตัวอย่าง: Jack Welch อดีต CEO ของ GE ใช้เวลา 40% ในการสอนพนักงาน เพราะเขาเชื่อว่าการสอนทำให้เขาเข้าใจธุรกิจลึกขึ้น
6. เรียนรู้จากการสังเกต
ตัวอย่าง: Tim Cook CEO ของ Apple มีนิสัยเดินดูการทำงานของพนักงานทุกแผนก และจดบันทึกสิ่งที่น่าสนใจ
มาลองปฏิบัติกันเถอะ
หลังจากอ่านมาถึงตรงนี้ คุณอาจจะคิดว่า “ฟังดูดีนะ แต่จะเริ่มต้นยังไงดี?”
สัปดาห์แรก: เริ่มต้นง่ายๆ
วันจันทร์: อ่านหนังสือ 15 นาทีก่อนนอน
วันอังคาร: หลังจากการประชุม เขียนบันทึก 3 บรรทัดว่าเรียนรู้อะไร
วันพุธ: ถามคำถาม 1 ข้อในการประชุม แทนที่จะนั่งฟังอย่างเดียว
วันพฤหัส: ขอคำแนะนำจากเพื่อนร่วมงานที่เก่งในเรื่องใดเรื่องหนึ่ง
วันศุกร์: แบ่งปันสิ่งที่เรียนรู้ในสัปดาห์นี้ให้คนอื่นฟัง
เดือนแรก: สร้างระบบ
หา “พี่เลี้ยง” 1 คนในองค์กร และนัดพูดคุยเดือนละครั้ง เริ่มจากการถามว่า “ในความคิดของพี่ อะไรคือทักษะที่สำคัญที่สุดในการทำงาน?”
3 เดือนแรก: ขยายขอบเขต
ลองเป็น “พี่เลี้ยง” ให้กับคนใหม่ในทีม เพราะการสอนคือการเรียนรู้ที่ดีที่สุด
เรื่องราวจากโลกแห่งความเป็นจริง
พี่สาวคนหนึ่งในบริษัทเทคโนโลยีเล่าให้ฟังว่า หลังจากที่เธออ่านหนังสือเล่มนี้ เธอเริ่มทำสิ่งง่ายๆ คือ ขอฟีดแบ็กจากลูกน้องทุกคน
“ตอนแรกลูกน้องตกใจ เพราะไม่เคยมีหัวหน้าถามว่าตัวเองทำอะไรผิด” เธอเล่า “แต่พอผ่านไป 3 เดือน ทีมเราเริ่มพูดคุยกันเปิดเผยมากขึ้น และผลงานดีขึ้นเยอะ”
สิ่งเล็กๆ อย่างการขอฟีดแบ็กเปลี่ยนบรรยากาศทั้งทีม เพราะเมื่อหัวหน้าแสดงให้เห็นว่าเธอพร้อมเรียนรู้ คนอื่นก็เริ่มเรียนรู้ด้วย
ข้อผิดพลาดที่มักเกิดขึ้น
ผิดพลาดที่ 1: คิดว่าต้องเรียนรู้ทุกอย่าง
ความจริงคือ เราไม่จำเป็นต้องรู้ทุกอย่าง แต่ต้องรู้ว่าจะหาคำตอบได้ที่ไหน
ผิดพลาดที่ 2: เรียนรู้แต่ไม่ลงมือทำ
การอ่านหนังสือ 100 เล่มไม่มีประโยชน์ถ้าไม่นำไปใช้ ลองนำความรู้ไปใช้ทีละเล็กทีละน้อย
ผิดพลาดที่ 3: กลัวความผิดพลาด
จำไว้ว่า ทุกคนล้มเหลวได้ แต่ไม่ใช่ทุกคนที่จะเรียนรู้จากความล้มเหลว
ปิดท้ายด้วยเรื่องราวที่สวยงาม
หนึ่งในเรื่องราวสุดท้ายที่ Novak เล่าในหนังสือคือเรื่องของพนักงานคนหนึ่งในบริษัทเขา
หญิงสาวชื่อ Sarah เริ่มงานเป็นแค่พนักงานรับโทรศัพท์ แต่เธอมีนิสัยพิเศษคือ หลังจากลูกค้าโทรมาร้องเรียนทุกครั้ง เธอจะจดบันทึกว่า “วันนี้เรียนรู้อะไรเกี่ยวกับลูกค้า”
หลังจาก 2 ปี เธอสังเกตพบรูปแบบของปัญหาและเสนอแนวทางแก้ไขให้กับผู้บริหาร ไอเดียของเธอช่วยให้บริษัทประหยัดต้นทุนได้ปีละหลายล้านบาท
วันนี้ Sarah เป็น VP ฝ่ายบริการลูกค้า ทั้งหมดเพราะเธอเปลี่ยนปัญหาเป็นโอกาสเรียนรู้
ข้อสรุป: การเรียนรู้คือซูเปอร์พาวเวอร์
หลังจากการเดินทางค้นหาคำตอบยาวนาน Novak สรุปได้ว่า ความแตกต่างระหว่างผู้นำที่ประสบความสำเร็จและคนทั่วไปไม่ได้อยู่ที่ความฉลาดหรือโชคดี แต่อยู่ที่ “ความสามารถในการเรียนรู้”
ผู้นำที่ยิ่งใหญ่ไม่ได้เกิดมาพร้อมกับความรู้ทุกอย่าง แต่พวกเขามี “ซูเปอร์พาวเวอร์” ที่พิเศษ นั่นคือ พวกเขาไม่เคยหยุดเรียนรู้
และข่าวดีคือ ซูเปอร์พาวเวอร์นี้เราทุกคนมีได้ เพียงแค่เริ่มต้นจากสิ่งเล็กๆ วันนี้
อย่างที่ Oprah เคยกล่าวไว้ว่า “การเรียนรู้ไม่เคยสิ้นสุด เพราะชีวิตไม่เคยหยุดสอนเรา”
คำถามสุดท้าย: วันนี้คุณจะเรียนรู้อะไรใหม่บ้าง?
#hrรีพอร์ต
Leave a comment