หลายคนมักใช้คำว่า “สัญญา” และ “ข้อตกลง” แทนกันได้ แต่จริงๆ แล้ว ทั้งสองคำมีความหมายและความสำคัญที่แตกต่างกัน

ข้อตกลง คือความเข้าใจร่วมกันระหว่างสองฝ่ายหรือมากกว่า ซึ่งอาจเป็นเพียงการตกลงกันด้วยวาจาก็ได้
สัญญา คือข้อตกลงที่มีผลผูกพันทางกฎหมาย ซึ่งสามารถบังคับใช้ได้ตามกฎหมาย


สัญญาคืออะไร?

สัญญาคือข้อตกลงที่มีผลทางกฎหมายระหว่างสองฝ่ายหรือมากกว่า โดยมีข้อผูกพันที่สามารถฟ้องร้องหรือบังคับตามกฎหมายได้ ซึ่งสัญญาที่ถูกต้องตามกฎหมายจะต้องมีองค์ประกอบ 6 อย่างดังนี้:

  1. การเสนอ – ข้อเสนอที่ชัดเจนพร้อมเงื่อนไข
  2. การยอมรับ – การตอบรับข้อเสนอโดยไม่มีข้อแม้
  3. การรับรู้ – ทั้งสองฝ่ายเข้าใจตรงกันในเงื่อนไขต่างๆ
  4. ผลตอบแทนหรือสิ่งมีค่า (Consideration) – เช่น เงิน บริการ หรือคำมั่นสัญญา
  5. ความสามารถทางกฎหมาย – ทุกฝ่ายต้องมีสิทธิ์ในการทำข้อตกลง
  6. ความชอบด้วยกฎหมาย – จุดประสงค์ของสัญญาต้องไม่ผิดกฎหมาย

ข้อตกลงคืออะไร?

ข้อตกลงคือความเข้าใจร่วมกัน อาจเป็นเพียงการตกลงใจว่าจะทำอะไรบางอย่างร่วมกัน โดยไม่จำเป็นต้องเป็นทางการเสมอไป

ข้อตกลงมีได้ทั้งแบบ:

  • ไม่เป็นทางการ เช่น การคุยตกลงกันด้วยวาจาหรือการจับมือกัน
  • เป็นทางการ เช่น เอกสารที่ระบุรายละเอียดชัดเจน

ตัวอย่างเอกสารที่อาจเป็นข้อตกลง:

  • หนังสือแสดงเจตจำนง (LOI) – แสดงความตั้งใจในการเจรจา
  • บันทึกความเข้าใจ (MOU) – ใช้ในความร่วมมือระหว่างองค์กร
  • ข้อตกลงไม่เปิดเผยข้อมูล (NDA) – มักมีผลผูกพันตามกฎหมาย

ทำไมต้องแยกแยะความแตกต่างระหว่างสัญญากับข้อตกลง?

  1. การบังคับใช้ – สัญญาสามารถบังคับตามกฎหมายได้ ขณะที่ข้อตกลง (โดยเฉพาะแบบไม่เป็นทางการ) มักทำได้ยาก
  2. การจัดการความเสี่ยง – ถ้าไม่แยกแยะให้ชัด อาจนำไปสู่ปัญหาและข้อขัดแย้ง
  3. ความชัดเจนและการป้องกัน – การเขียนข้อตกลงเป็นลายลักษณ์อักษรช่วยลดความเข้าใจผิด และถ้าจำเป็นต้องมีผลทางกฎหมาย ควรจัดทำให้เป็นสัญญาที่ถูกต้องตามหลักกฎหมาย

ตัวอย่างสถานการณ์

กรณีที่ 1:
ลิซ่าจ้างบริษัททาสีมาทาสีบ้าน โดยมีการเซ็นสัญญาชัดเจน ระบุราคาค่าจ้าง 1,000 ดอลลาร์ วันเสร็จงาน และรายละเอียดสี แต่ไม่มีใครมาทำงานตามนัด และไม่ติดต่อกลับ
➡ ลิซ่าสามารถฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายได้ เพราะนี่คือ สัญญา ที่มีผลตามกฎหมาย

กรณีที่ 2:
ลิซ่าคุยกับบริษัททาสีทางโทรศัพท์และนัดหมายให้มาตีราคา แต่บริษัทไม่มาตามนัด
➡ นี่เป็นเพียง ข้อตกลง เบื้องต้น ยังไม่มีผลตามกฎหมาย ลิซ่าจึงเรียกร้องค่าเสียหายไม่ได้


เมื่อไรควรใช้ข้อตกลง และเมื่อไรควรใช้สัญญา?

ข้อตกลง เหมาะกับ

  • กรณีความเสี่ยงต่ำ
  • ความสัมพันธ์ที่เชื่อใจกัน
  • ระยะเริ่มต้นของการเจรจา

สัญญา เหมาะกับ:

  • ธุรกรรมที่มีเงินจำนวนมาก
  • ข้อตกลงที่มีความซับซ้อน
  • ต้องการความคุ้มครองทางกฎหมายในกรณีมีข้อขัดแย้ง

วิธีเปลี่ยนข้อตกลงให้เป็นสัญญา

  1. ระบุข้อเสนออย่างชัดเจน
  2. ต้องมีการตอบรับที่ตรงประเด็น
  3. แสดงสิ่งที่แต่ละฝ่ายจะให้ตอบแทนกัน
  4. ทุกฝ่ายต้องมีสิทธิตามกฎหมาย
  5. จุดประสงค์ของข้อตกลงต้องไม่ผิดกฎหมาย
  6. ควรขอคำปรึกษาจากฝ่ายกฎหมายเพื่อความถูกต้อง

คำถามที่พบบ่อย (FAQ)

อีเมลสามารถเป็นสัญญาได้หรือไม่?
ได้ ถ้ามีองค์ประกอบครบ เช่น การเสนอ การตอบรับ ผลตอบแทน ฯลฯ

ข้อตกลงมีผลตามกฎหมายไหม?
อาจมีหรือไม่มี ขึ้นอยู่กับว่าข้อตกลงนั้นมีองค์ประกอบของสัญญาครบหรือไม่

เซ็นข้อตกลง = สัญญาใช่ไหม?
ไม่เสมอไป ถ้าไม่มีองค์ประกอบของสัญญา ก็อาจไม่ถือว่ามีผลตามกฎหมาย

ใครบ้างที่ไม่สามารถทำสัญญาได้?

  • ผู้เยาว์ (อายุต่ำกว่าที่กฎหมายกำหนด)
  • บุคคลที่ศาลพิจารณาว่าไร้ความสามารถทางจิต

ตารางเปรียบเทียบระหว่าง “สัญญา” กับ “ข้อตกลง”

ประเด็นเปรียบเทียบสัญญา (Contract)ข้อตกลง (Agreement)
ความหมายข้อตกลงที่มีผลผูกพันตามกฎหมายการเข้าใจหรือยินยอมร่วมกันระหว่างสองฝ่ายหรือมากกว่า อาจไม่มีผลทางกฎหมาย
สถานะทางกฎหมายมีผลทางกฎหมาย สามารถบังคับใช้หรือฟ้องร้องได้อาจมีหรือไม่มีผลทางกฎหมาย ขึ้นอยู่กับบริบทและองค์ประกอบของข้อตกลง
รูปแบบต้องมีองค์ประกอบที่ครบถ้วนตามกฎหมาย (เช่น การเสนอ การตอบรับ สิ่งตอบแทน ฯลฯ)อาจเป็นทางการหรือไม่เป็นทางการก็ได้ เช่น คุยกันปากเปล่าหรือส่งอีเมล
ความผูกพันมีความผูกพันที่ชัดเจนและฟ้องร้องได้ตามกฎหมายความผูกพันขึ้นอยู่กับความสมัครใจ อาจไม่มีผลทางกฎหมาย
เหมาะสำหรับธุรกรรมที่มีความเสี่ยงสูง มีจำนวนเงินมาก หรือมีความซับซ้อนการเริ่มต้นเจรจา ความร่วมมือทั่วไป หรือเรื่องที่มีความเสี่ยงต่ำ
การบังคับใช้ในชั้นศาลสามารถใช้เป็นหลักฐานและฟ้องร้องได้มักไม่สามารถใช้บังคับในศาล เว้นแต่มีองค์ประกอบครบตามกฎหมาย
ต้องมีสิ่งตอบแทน (Consideration)ต้องมีเสมออาจไม่มีสิ่งตอบแทนก็ได้
การมีผลผูกพันทางกฎหมายมีเสมอถ้าองค์ประกอบครบมีหรือไม่มีขึ้นอยู่กับบริบทและเงื่อนไข
ตัวอย่างเอกสารสัญญาซื้อขาย, สัญญาจ้างงาน, สัญญาเช่าหนังสือแสดงเจตจำนง (LOI), ข้อตกลงไม่เปิดเผยข้อมูล (NDA), บันทึกความเข้าใจ (MOU)

เรียบเรียงจาก: https://www.contractsafe.com/blog/contract-vs-agreement

#hrรีพอร์ต

Posted in

Leave a comment