
ในคดีนี้ ศาลฎีกาพิจารณาถึงกรณีที่ลูกจ้างได้รับเงินจากโครงการเกษียณอายุก่อนเวลาปกติ และมีข้อพิพาทเกี่ยวกับว่าเงินที่ได้รับจากโครงการนี้สามารถนำมาคำนวณรวมเป็นค่าชดเชยตามกฎหมายได้หรือไม่
ข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายที่สำคัญ:
- โครงการเกษียณอายุก่อนเวลาปกติ: ลูกจ้างได้รับผลประโยชน์จากโครงการเกษียณอายุก่อนเวลาปกติจากนายจ้าง ซึ่งเงินนี้จะได้รับในกรณีที่ลูกจ้างเกษียณก่อนอายุ 60 ปีตามที่กำหนดไว้ในข้อบังคับ
- การคำนวณค่าชดเชย: กระทรวงมหาดไทยได้มีประกาศกำหนดให้เมื่อผลประโยชน์จากโครงการเกษียณอายุก่อนเวลาน้อยกว่าค่าชดเชยการเลิกจ้างตามกฎหมายแรงงาน นายจ้างจะต้องจ่ายส่วนที่ขาดให้จนถึงจำนวนที่ครบถ้วน
- การพิจารณาของศาล: ศาลฎีกาพิจารณาและตัดสินว่า เงินที่ลูกจ้างได้รับจากโครงการเกษียณอายุก่อนเวลาปกติถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของการจ่ายค่าชดเชยการเลิกจ้าง เพราะเป็นผลประโยชน์ที่นายจ้างจ่ายให้แก่ลูกจ้างตามระเบียบและข้อบังคับของบริษัท
คำตัดสินของศาล:
- โจทก์ที่ 1 ถึงโจทก์ที่ 3: ได้รับเงินจากโครงการเกษียณอายุก่อนเวลาปกติ ซึ่งรวมอยู่ในค่าชดเชยการเลิกจ้างแล้ว และจำนวนเงินที่ได้รับจากโครงการนี้สูงกว่าค่าชดเชยที่โจทก์ทั้งสามมีสิทธิได้รับตามกฎหมาย ดังนั้น ศาลไม่ต้องให้การจ่ายค่าชดเชยเพิ่มเติมแก่โจทก์เหล่านี้
- โจทก์ที่ 4 ถึงโจทก์ที่ 6: ได้รับค่าชดเชยการเลิกจ้างตามสิทธิที่กำหนดไว้ในประกาศกระทรวงมหาดไทย ซึ่งเงินที่จ่ายให้ลูกจ้างในกรณีนี้ก็ถูกคำนวณตามแนวทางเดียวกันและมากกว่าค่าจ้างอัตราสุดท้ายที่ลูกจ้างเหล่านี้มีสิทธิได้รับ ดังนั้น ศาลจึงไม่ต้องให้การจ่ายค่าชดเชยเพิ่มเติมแก่โจทก์ทั้ง 4 ถึง 6 เช่นเดียวกัน
สรุป:
เงินที่ลูกจ้างได้รับจากโครงการเกษียณอายุก่อนเวลาปกติถือเป็นส่วนหนึ่งของการจ่ายค่าชดเชยการเลิกจ้าง และหากจำนวนเงินที่ได้รับจากโครงการนี้สูงกว่าค่าชดเชยตามกฎหมาย นายจ้างไม่ต้องจ่ายค่าชดเชยเพิ่มเติมให้แก่ลูกจ้างในกรณีนี้
อ้างอิงจาก คำพิพากษาศาลฎีกาที่ ๖๙๖๖ – ๖๙๗๑/๒๕๔๒
#hrรีพอร์ต
Leave a comment