ข้อเท็จจริงและข้อพิพาท:

  1. ข้อบังคับเกี่ยวกับการเกษียณอายุของโจทก์
    • แบ่งลูกจ้างออกเป็น 2 ประเภท:
      1. ลูกจ้างที่เริ่มงานก่อนวันที่ 1 มกราคม 2534
      2. ลูกจ้างที่เริ่มงานตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2534 เป็นต้นไป
  2. ลูกจ้างประเภทที่ 1:
    • การเกษียณอายุขึ้นอยู่กับความสมัครใจของลูกจ้าง โดยลูกจ้างต้องแจ้งให้นายจ้างทราบหากต้องการเกษียณ
  3. ลูกจ้างประเภทที่ 2:
    • การเกษียณอายุขึ้นอยู่กับการพิจารณาของนายจ้าง หากลูกจ้างมีอายุครบ 60 ปีและไม่สามารถทำงานต่อได้
  4. ข้อโต้แย้งของโจทก์:
    • โจทก์อ้างว่า การที่ลูกจ้างประเภทที่ 1 แจ้งเกษียณอายุเอง ถือเป็นการลาออก ไม่ใช่การเลิกจ้าง
  5. คำสั่งพนักงานตรวจแรงงาน:
    • พิจารณาว่าการเกษียณอายุไม่ว่าจะโดยการพิจารณาของนายจ้างหรือลูกจ้าง ถือเป็นการเลิกจ้างตามมาตรา 118 วรรคสอง ของ พ.ร.บ. คุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541

ข้อกฎหมาย:

  • มาตรา 118 วรรคสอง ระบุว่า การเลิกจ้างรวมถึงการเลิกจ้างเนื่องจากเหตุเกษียณอายุ

คำพิพากษาของศาลฎีกา:

  1. การเกษียณอายุของลูกจ้าง ไม่ว่าจะเป็นการพิจารณาของนายจ้าง (กรณีลูกจ้างประเภทที่ 2) หรือการแจ้งเกษียณโดยลูกจ้างเอง (กรณีลูกจ้างประเภทที่ 1) ถือเป็นการเลิกจ้าง ไม่ใช่การลาออกในกรณีปกติ
  2. โจทก์ (นายจ้าง) มีหน้าที่ต้องจ่ายค่าชดเชยตามกฎหมายแรงงาน
  3. คำสั่งของพนักงานตรวจแรงงานชอบด้วยกฎหมาย

สรุป:

  • การเกษียณอายุของลูกจ้าง ไม่ว่าจะเกิดจากการแจ้งโดยลูกจ้างเองหรือนายจ้างพิจารณา ถือว่าเป็น “การเลิกจ้าง” ตามกฎหมาย และลูกจ้างมีสิทธิได้รับค่าชดเชยตามมาตรา 118 ของ พ.ร.บ. คุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541

อ้างอิงจาก คำพิพากษาศาลฎีกาที่ ๔๗๓๒/๒๕๔๘ (คดีฟ้องเพิกถอนคำสั่งพนักงานตรวจแรงงาน)

#hrรีพอร์ต

Posted in

Leave a comment