สรุปเนื้อหา:

กรณีนี้เกี่ยวกับนายจ้างที่ต้องการโอนย้ายลูกจ้างไปทำงานในบริษัทในเครือ โดยลูกจ้างไม่ยินยอมต่อการโอนย้าย ซึ่งตามกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 577 การโอนสิทธิความเป็นนายจ้างให้บุคคลภายนอกจะต้องได้รับความยินยอมจากลูกจ้างก่อน หากไม่มีความยินยอม การโอนย้ายดังกล่าวถือว่าไม่ชอบด้วยกฎหมาย

เหตุการณ์ในคดี:

  1. นายจ้างจ้างโจทก์ทำงานในตำแหน่งเจ้าหน้าที่ลูกค้าสัมพันธ์มาเป็นระยะเวลากว่า 20 ปี
  2. นายจ้างมีคำสั่งโอนย้ายโจทก์ไปทำงานในบริษัทในเครือ ซึ่งเป็นนิติบุคคลแยกต่างหาก โดยไม่ได้รับความยินยอม
  3. เมื่อโจทก์ปฏิเสธการย้าย นายจ้างได้ดำเนินการเปลี่ยนชื่อผู้ใช้งานอุปกรณ์ประจำตำแหน่งของโจทก์ ระงับการใช้อีเมล และห้ามโจทก์เข้าสถานที่ทำงาน
  4. นายจ้างเลิกจ้างโจทก์ โดยอ้างเหตุผลด้านการบริหารงานบุคคล

การพิจารณาของศาล:

  1. ศาลแรงงานภาค 9 เห็นว่า การที่นายจ้างสั่งโอนย้ายโจทก์ไปทำงานในบริษัทในเครือโดยไม่ได้รับความยินยอม ถือว่าเป็นการเลิกจ้าง
  2. ศาลตัดสินให้นายจ้างจ่ายค่าชดเชยและสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้า แต่ยกคำร้องเรื่องการจ่ายค่าความเสียหายจากการเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรม

การตัดสินของศาลฎีกา:

  1. ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าการโอนย้ายลูกจ้างโดยไม่ได้รับความยินยอมถือเป็นการเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรม เพราะเป็นการโอนสิทธิความเป็นนายจ้างให้บุคคลภายนอกโดยผิดกฎหมาย
  2. แม้นายจ้างอ้างเหตุผลด้านการบริหาร เช่น แพ้การประมูลงาน หรือไม่มีตำแหน่งที่เหมาะสมให้โจทก์ แต่ศาลเห็นว่าเหตุผลดังกล่าวไม่เพียงพอและไม่ได้แสดงให้เห็นว่านายจ้างจะประสบปัญหาทางการเงินจนไม่สามารถดำเนินกิจการต่อได้
  3. ศาลชี้ว่า การกระทำดังกล่าวของนายจ้างแสดงให้เห็นถึงการเพิกเฉยต่อความเดือดร้อนของลูกจ้างที่ทำงานให้บริษัทมาเป็นเวลานาน

คำพิพากษาสุดท้าย:
ศาลฎีกาพิพากษาว่าการเลิกจ้างครั้งนี้เป็นการเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรม นายจ้างต้องจ่ายค่าชดเชยและค่าความเสียหายให้แก่โจทก์ โดยส่งสำนวนกลับไปยังศาลแรงงานภาค 9 เพื่อกำหนดค่าความเสียหายที่เหมาะสมต่อไป

อ้างอิงจาก คำพิพากษาศาลฎีกำที่ ๓๐๐๒/๒๕๖๑ 

#hrรีพอร์ต

Posted in

Leave a comment