• ข้อเท็จจริงของคดี:
    จำเลยตกลงจ่ายค่าครองชีพให้แก่โจทก์ทุกคนในจำนวนที่แน่นอนเป็นประจำทุกเดือน เพื่อเป็นการตอบแทนการทำงาน แม้ในวันที่โจทก์ไม่ได้ทำงาน (วันหยุด) ก็ยังมีสิทธิได้รับค่าครองชีพ
  • ปัญหาทางกฎหมาย:
    ค่าครองชีพที่จำเลยจ่ายให้นั้นถือเป็น “ค่าจ้าง” ตามกฎหมายแรงงานหรือไม่
  • คำวินิจฉัยของศาล:
    1. การจ่ายค่าครองชีพให้พนักงานทุกคนในจำนวนที่แน่นอนเป็นประจำทุกเดือน โดยมีลักษณะตอบแทนการทำงาน เช่นเดียวกับค่าจ้าง ถือว่าค่าครองชีพเป็นส่วนหนึ่งของค่าจ้าง
    2. แม้ว่าค่าครองชีพจะมีที่มาจากการเปลี่ยนการให้ข้าวเป็นเงินแทน ต่อมามีการปรับเพิ่มจำนวนเงินจากข้อเรียกร้องของพนักงานและเปลี่ยนชื่อเป็น “ค่าครองชีพ” ซึ่งวัตถุประสงค์ได้เปลี่ยนไปจากเดิม ไม่ใช่เพื่อสวัสดิการเพียงอย่างเดียว
    3. การพิจารณาว่าค่าครองชีพเป็นค่าจ้างหรือไม่ ต้องดูทั้งวัตถุประสงค์และลักษณะการจ่ายเงิน โดยในกรณีนี้ ลักษณะการจ่ายค่าครองชีพของจำเลยมีลักษณะเช่นเดียวกับการจ่ายค่าจ้าง
  • บทสรุป:
    ค่าครองชีพที่จำเลยจ่ายให้โจทก์ถือเป็น “ค่าจ้าง” ตามกฎหมายแรงงาน จำเลยจึงต้องนำค่าครองชีพไปรวมกับค่าจ้างเพื่อใช้เป็นฐานในการคำนวณค่าล่วงเวลา (OT) และค่าทำงานในวันหยุด

ข้อคิดจากคดี:
การจ่ายค่าครองชีพในลักษณะต่อเนื่องและคงที่ โดยมีลักษณะตอบแทนการทำงาน อาจถือเป็นค่าจ้างตามกฎหมายแรงงาน แม้ว่าจะเริ่มต้นจากสวัสดิการ ดังนั้นนายจ้างควรระมัดระวังในการกำหนดเงื่อนไขหรือรายละเอียดการจ่ายเงินในสัญญาจ้างงาน.

อ้างอิงจาก คำพิพากษาศาลฎีกาที่ ๓๙๘๗ – ๔๓๒๙/๒๕๕๓

#hrรีพอร์ต

Posted in

Leave a comment