ข้อเท็จจริงของคดี

  1. โจทก์ เป็นลูกจ้างตำแหน่งผู้จัดการฝ่ายขายของจำเลยที่ 2 (นายจ้าง) โดยมีค่าจ้างเดือนละ 110,000 บาท
  2. จำเลยที่ 2 ประกอบกิจการขายสินค้าและบริการผ่านโซเชียลเน็ตเวิร์ก
  3. โจทก์โพสต์ข้อความลงในสื่อโซเชียลเน็ตเวิร์กหลายครั้ง โดยข้อความมีลักษณะดูหมิ่นผู้บังคับบัญชาและพนักงานคนอื่น เช่น “มีชะนี เป้าต่ำเตี้ยเรี่ยดิน” และ “วันๆ ไม่ทำห่าอะไร แดกเงินเดือนฟรีๆ ทุกๆ เดือน” เป็นต้น
  4. จำเลยที่ 2 ได้มีหนังสือเตือนก่อนหน้านี้ แต่โจทก์ยังโพสต์ข้อความซ้ำ
  5. นายจ้างพิจารณาว่า การโพสต์ข้อความดังกล่าวก่อให้เกิดความเสียหายร้ายแรงต่อธุรกิจ จึงเลิกจ้างโจทก์
  6. โจทก์เห็นว่าเป็นการเลิกจ้างไม่เป็นธรรม และยื่นคำร้องเรียกร้องค่าจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้า, ค่าชดเชย และค่าเสียหาย

คำวินิจฉัยของศาลแรงงานกลาง

  1. คำที่โจทก์โพสต์ เช่น “ชะนี” หรือ “หัว” มีความหมายพาดพิงถึงบุคคลอื่นที่เกี่ยวข้องในองค์กร ซึ่งเป็นการหมิ่นประมาทผู้บังคับบัญชาและเพื่อนร่วมงาน
  2. การโพสต์ข้อความผ่านสื่อโซเชียลเน็ตเวิร์ก ซึ่งบุคคลทั่วไปสามารถเข้าถึงได้ ทำให้นายจ้างได้รับความเสียหาย
  3. พฤติกรรมดังกล่าวเป็นความผิดร้ายแรง ฝ่าฝืนข้อบังคับการทำงาน และเป็นเหตุให้นายจ้างมีสิทธิเลิกจ้างโดยไม่ต้องบอกกล่าวล่วงหน้าและไม่ต้องจ่ายค่าชดเชย
  4. พิพากษายกฟ้องโจทก์

คำวินิจฉัยของศาลฎีกา

  1. โจทก์อุทธรณ์ว่า การโพสต์ข้อความเป็นเรื่องส่วนตัว แต่ศาลฎีกาเห็นว่าการโพสต์มีลักษณะเปิดเผยต่อสาธารณะ และทำให้นายจ้างเสียหาย
  2. ข้อความดังกล่าวไม่ได้เป็นเพียงความคิดเห็นส่วนตัว แต่มีลักษณะหมิ่นประมาทผู้บังคับบัญชาและสร้างความเสียหายต่อองค์กร
  3. โจทก์ไม่สามารถอุทธรณ์ข้อเท็จจริงได้ เนื่องจากต้องห้ามตามกฎหมายแรงงาน
  4. การรับอุทธรณ์ของศาลแรงงานกลางไม่ชอบด้วยกฎหมาย
  5. พิพากษายกอุทธรณ์ของโจทก์ และให้ยืนตามคำพิพากษาของศาลแรงงานกลาง

สรุปคำพิพากษา

การกระทำของโจทก์เป็นความผิดร้ายแรง มีเจตนาทำให้นายจ้างได้รับความเสียหาย นายจ้างจึงมีสิทธิเลิกจ้างโดยไม่ต้องจ่ายค่าจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้า และค่าชดเชยตามกฎหมายแรงงาน คำอุทธรณ์ของโจทก์ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ศาลฎีกาจึงพิพากษายืนตามศาลแรงงานกลาง

อ้างอิงจาก คำพิพากษาศาลฎีกาที่ ๓๙๕๓/๒๕๖๑ (คดีฟ้องเพิกถอนคำสั่งพนักงานตรวจแรงงาน)

#hrรีพอร์ต

Posted in

Leave a comment