จากคำพิพากษาในกรณีนี้ ข้อเท็จจริงแสดงให้เห็นว่าการเลิกจ้างโจทก์ที่ 1 และที่ 2 เป็นการเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรม โดยพฤติการณ์ที่นางสาว พ. ซึ่งเป็นกรรมการผู้จัดการของจำเลย กล่าวถ้อยคำที่แสดงออกชัดเจนถึงการบอกเลิกจ้าง ทั้งที่ไม่มีเหตุผลอันสมควรตามกฎหมายแรงงาน สรุปประเด็นสำคัญในคดีได้ดังนี้:

พฤติการณ์การเลิกจ้าง

  1. ถ้อยคำของกรรมการผู้จัดการ
    คำพูดที่ระบุถึงการ “ไล่ออก” ในลักษณะชัดเจน เช่น
    • “พี่ไล่ออก ในฐานะที่คุณไม่ให้ความเคารพผู้บังคับบัญชา”
    • “ใบลาออกอยู่ตรงนั้น ไล่ออกเลยค่ะ”
  2. ถ้อยคำดังกล่าวเพียงพอที่วิญญูชนทั่วไปจะเข้าใจได้ว่ามีการเลิกจ้างเกิดขึ้น ซึ่งขัดกับคำให้การของจำเลยที่อ้างว่าโจทก์ละทิ้งงานเอง
  3. เหตุจูงใจในการเลิกจ้าง
    การเลิกจ้างเกิดขึ้นหลังจากโจทก์ที่ 1 และที่ 2 ตรวจสอบไปยังสำนักงานประกันสังคมเกี่ยวกับการไม่ส่งเงินสมทบ และเผยแพร่เรื่องดังกล่าวบนโซเชียลมีเดีย การกระทำนี้แม้อาจไม่เหมาะสมในฐานะผู้ใต้บังคับบัญชา แต่ก็ไม่ถือเป็นเหตุอันชอบด้วยกฎหมายสำหรับการเลิกจ้าง
  4. ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการเลิกจ้างโจทก์ที่ 3
    สำหรับโจทก์ที่ 3 ศาลฟังว่าไม่มีหลักฐานเพียงพอที่ชี้ชัดว่าถูกเลิกจ้างโดยจำเลย โดยคำให้การและหลักฐานแสดงว่าโจทก์ที่ 3 ลาออกเอง

คำวินิจฉัยของศาล

  1. โจทก์ที่ 1 และที่ 2
    การเลิกจ้างโดยไม่มีเหตุผลชอบด้วยกฎหมายถือเป็น “การเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรม” จำเลยจึงต้องจ่ายค่าเสียหายจากการเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรมให้แก่โจทก์ทั้งสอง
  2. โจทก์ที่ 3
    ไม่มีหลักฐานชัดเจนว่าถูกเลิกจ้าง การเรียกร้องค่าเสียหายจึงไม่อาจรับฟังได้

ประเด็นสำคัญทางกฎหมาย

  1. พระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541
    การเลิกจ้างโดยไม่มีเหตุอันสมควรหรือไม่เป็นไปตามกระบวนการทางกฎหมาย ถือเป็นการละเมิดสิทธิแรงงาน
  2. สิทธิของลูกจ้างในการสอบถามหรือเรียกร้องเกี่ยวกับสิทธิประโยชน์
    การที่โจทก์ตรวจสอบเกี่ยวกับการไม่ส่งเงินสมทบประกันสังคม เป็นการใช้สิทธิโดยชอบธรรมที่กฎหมายคุ้มครอง

ข้อคิดจากกรณีนี้

  • นายจ้างควรระมัดระวังในเรื่องถ้อยคำและการสื่อสารกับลูกจ้าง โดยเฉพาะในสถานการณ์ที่อาจถูกตีความว่าเป็นการเลิกจ้าง
  • ควรมีเหตุผลและหลักฐานชัดเจนหากมีความจำเป็นต้องเลิกจ้างลูกจ้าง เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกฟ้องร้องเรื่อง “การเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรม”
  • ลูกจ้างควรปฏิบัติตามระเบียบข้อบังคับของบริษัทอย่างเหมาะสม และใช้ช่องทางที่เหมาะสมในการร้องเรียนหรือสอบถามสิทธิประโยชน์

อ้างอิงจาก คำพิพากษาศาลฎีกาที่ ๔๐๗๗-๔๐๗๙/๒๕๖๑

#hrรีพอร์ต

Posted in

Leave a comment