มีโอกาสได้เข้าสัมมนาฟรีของสถานบันบียอนด์ เอจ เมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน 2566 ในหัวข้อ “ปรับค่าจ้างอย่างไรให้ถูกใจทั้งคนรับและคนจ่าย” โดย ดร.สุพจน์ นาคสวัสดิ์
จากเวลา 2 ชั่วโมงครึ่งคุณภาพที่อัดแน้นด้วยเนื้อหาที่เอาไปปรับใช้ได้จริงๆ และทำให้พบข้อคิดเพิ่มเติมว่า การบริหารค่าจ้างนั้นเป็นทั้งศาสตร์และศิลป์ที่ไม่ใช่แค่มานั่งบวกลบคูณหาร แต่เป็นเรื่องของการบริหารในทุกๆ มิติเสียด้วยซ้ำ
ผมจึงสรุปออกมาเป็นข้อๆ ดังนี้
- ปรัชญาในการจ่ายของเราเป็นอย่างไร – ความสามารถในการจ่ายเหมือนกันแต่ปรัชญาในการจ่ายแตกต่างกันได้ตามวิธีคิดและปรัชญา
- แนวโน้มในการจ่ายเงิน ปรับเงินจะเป็นการจ่ายตามผลงาน (Pay by Performance)
- การเทียบการจ่ายกับอัตราตลาดให้ดู “รายได้รวม” เพราะถ้าดูเฉพาะเงินเดือนอย่างเดียวจะทำให้เราจ่ายต่ำกว่าตลาดหรือสูงกว่าตลาดก็เป็นได้
- Remote Working จะหายไป แตะ Hybrid Working (เข้าออฟฟิศ 3 วัน ทำที่ได้ก็ได้ 2 วัน) จะมาแทนที่เพื่อนเป็นกลยุทธในการหาคนในตลาด
- การจ้างงานเด็กจบใหม่ บริษัทส่วนใหญ่ยังจ้างงานตามวุฒิการศึกษา
- องค์กรไซด์เล็ก จ่ายค่าจ้างจะให้แบบผสม โดยเลือกจ่ายแพงสำหรับตำแหน่งสำคัญ และจ่ายต่ำกว่าตลาดในตำแหน่งทั่วไป
- แนวโน้มเปอร์เซนต์การปรับเงินเดือนประจำปีโดยเฉลี่ยมีอัตราลดลง ปี 2566 4.2 ปี 2567 4.0
- คนลาออกเป็นเรื่องปกติ แต่ถ้าคนที่ลาออกส่งผลกับองค์กรสูงต้องมีการพิจารณา
- การปรับค่าจ้าง ผลตอบแทน ควรทำระเบียบให้ชัดเจน เพราะเวลาขึ้นศาลแรงงาน ศาลจะถามหาระเบียบการจ่ายก่อนเสมอ
- Commission ต้องกำหนดให้เป็นการจูงใจ ไม่ใช่กำหนดแบบ Fix ตายตัว เพราะถ้ากำหนด Fix จะถือเป็นค่าจ้าง
- หลักการบริหารค่าจ้างต้องมี (1) ความเท่าเทียมภายใน:ประเมินค่างาน (2) ความเท่าเทียมภายนอก:เทียบกับตลาด/คู่แข่ง (3) ความสามารถในการจ่าย (4) จ่ายตามหลักอะไร เช่น ประสบการณ์หรือผลงาน
- ปรัชญาในการจ่ายเราเป็นยังไง แบบเก่าหรือแบบใหม่
- แบบเก่า
- จ่ายตามค่างาน (Job Value)
- จ่ายตามประสบการณ์
- เน้นความเท่าเทียมภายใน
- จ่ายตามโครงสร้าง
- แบบใหม่
- จ่ายตามคุณค่าของคน (Person Value)
- จ่ายตามคุณค่าของงาน
- เน้นความเท่าเทียมภายนอก
- ไม่สนใจโครงสร้างถ้าพบคนที่ใช่
- แบบเก่า
- SA คือ Special Adjust การปรับพิเศษสำหรับคนที่ดีมากๆ และแย่มากๆ
- รับเงินเดือนคือการจ่ายโดยดู Potientail
- การปรับค่าจ้างที่เป็นค่าคงที่เช่น A=1,000 บาท เป็นการปรับค่าจ้างตามค่างาน (PSP ใช้อยู่ปัจจุบัน)
- การปรับค่าจ้างโดยเอาฐานเงินเดือนคูณเปอร์เซนต์ที่ได้ปรับ ในประเทศไทยประมาณ 70% ปรับตาม Midpoint 30%
- หลักของโครงสร้างเงินเดือน
- การปรับเงินเดือน/ค่าจ้าง ต้องมี 2 หลักประกอบกันคือ ถูกกฎหมายและถูกใจ
- เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงใดๆ ต้องหาและสร้าง Positive Impact ขึ้นมาให้ได้
- การปรับเงินโดยใช้ Midpoint คนที่ต่ำกว่า Midpoint ปรับแบบ Speed-up ส่วนคนที่เกินปรับแบบ Slow-Down
- การปรับเพิ่มเงินเดือน/ค่าจ้างขององค์กรในประเทศไทยจะดูจากอัตราตลาดเป็นหลักแม้ว่าผลประกอบการจะสูงกว่าก็ตาม
- สูตรการปรับค่าจ้างมีมากมายจะใช้สูตรไหนก็ได้ แต่ก่อนจะหาสูตรให้หาโจทย์ขององค์กรให้เจอก่อน
HR รีพอร์ต
Leave a comment